
ABeam Consulting กับบทบาทผู้เชื่อมโยง SAP และ AMS เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนขององค์กรไทย
ABeam Consulting กับบทบาทผู้เชื่อมโยง SAP และ AMS เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนขององค์กรไทย / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x ABeam Consulting
ลองนึกภาพองค์กรขนาดกลางที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายขายปิดดีลใหม่แทบทุกวัน ฝ่ายผลิตต้องเร่งเครื่องให้ทันออร์เดอร์ ขณะที่ฝ่ายจัดซื้อก็ต้องรีบหาวัตถุดิบมาเสริมให้พอ
ฝ่ายขายปิดดีลใหม่แทบทุกวัน ฝ่ายผลิตต้องเร่งเครื่องให้ทันออร์เดอร์ ขณะที่ฝ่ายจัดซื้อก็ต้องรีบหาวัตถุดิบมาเสริมให้พอ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ฝ่ายบัญชีกลับยังไม่รู้เลยว่าต้นทุนจริงของสินค้าแต่ละชิ้นอยู่ที่เท่าไร
เพราะข้อมูลของแต่ละแผนกกระจัดกระจายอยู่คนละระบบ ไม่เชื่อมต่อกัน
เพราะข้อมูลของแต่ละแผนกกระจัดกระจายอยู่คนละระบบ ไม่เชื่อมต่อกัน
นี่คือปัญหาคลาสสิกที่มักเกิดขึ้นเมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัว
ระบบภายในเริ่มแยกส่วน ข้อมูลไม่ตรงกัน และการตัดสินใจเริ่มช้าลงโดยไม่รู้ตัว
ระบบภายในเริ่มแยกส่วน ข้อมูลไม่ตรงกัน และการตัดสินใจเริ่มช้าลงโดยไม่รู้ตัว
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า ERP หรือ Enterprise Resource Planning
ระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงทุกหน่วยงานขององค์กรให้ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน
ตั้งแต่การเงิน บัญชี บุคคล ผลิต ไปจนถึงซัปพลายเชน
ระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงทุกหน่วยงานขององค์กรให้ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน
ตั้งแต่การเงิน บัญชี บุคคล ผลิต ไปจนถึงซัปพลายเชน
ข้อมูลทั้งหมดจะทำงานแบบเรียลไทม์
ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมธุรกิจได้ครบถ้วน และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมธุรกิจได้ครบถ้วน และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
และเมื่อพูดถึงระบบ ERP ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก
ชื่อของ SAP มักถูกพูดถึงเป็นลำดับแรก
เพราะ SAP คือผู้นำระดับโลกด้านโซลูชัน ERP ที่องค์กรชั้นนำกว่า 400,000 แห่งให้ความไว้วางใจ
ชื่อของ SAP มักถูกพูดถึงเป็นลำดับแรก
เพราะ SAP คือผู้นำระดับโลกด้านโซลูชัน ERP ที่องค์กรชั้นนำกว่า 400,000 แห่งให้ความไว้วางใจ
แล้วอะไรคือเหตุผลที่องค์กรระดับโลกเลือกใช้ SAP ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
SAP SE คือบริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติเยอรมันที่มีประวัติยาวนานกว่า 50 ปี
ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทกว่า 11.1 ล้านล้านบาท และเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร หรือ End-to-End Business Solutions
ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทกว่า 11.1 ล้านล้านบาท และเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร หรือ End-to-End Business Solutions
โซลูชันของ SAP ครอบคลุมทุกส่วนสำคัญขององค์กร
ตั้งแต่ระบบบริหารทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่ใช้จัดการด้านการเงิน การบัญชี บุคลากร และการผลิต
ไปจนถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูล ระบบบริหารห่วงโซ่อุปทาน ระบบจัดซื้อจัดจ้าง ระบบบริหารประสบการณ์ลูกค้า และระบบคลาวด์
ตั้งแต่ระบบบริหารทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่ใช้จัดการด้านการเงิน การบัญชี บุคลากร และการผลิต
ไปจนถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูล ระบบบริหารห่วงโซ่อุปทาน ระบบจัดซื้อจัดจ้าง ระบบบริหารประสบการณ์ลูกค้า และระบบคลาวด์
แต่การใช้ SAP ให้เกิดคุณค่าสูงสุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ระบบ” เพียงอย่างเดียว
แต่อยู่ที่ “การดูแลและต่อยอดระบบ” ให้สอดคล้องกับธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แต่อยู่ที่ “การดูแลและต่อยอดระบบ” ให้สอดคล้องกับธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
และนี่คือบทบาทของ ABeam Consulting
บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจซึ่งไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญด้าน SAP
แต่คือ “ผู้นำพาระบบให้เดินไปพร้อมกับธุรกิจ” อย่างแท้จริง
เพื่อให้องค์กรไม่ได้แค่ “มีระบบ” แต่ “ใช้ระบบให้สร้างผลลัพธ์ได้จริง”
บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจซึ่งไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญด้าน SAP
แต่คือ “ผู้นำพาระบบให้เดินไปพร้อมกับธุรกิจ” อย่างแท้จริง
เพื่อให้องค์กรไม่ได้แค่ “มีระบบ” แต่ “ใช้ระบบให้สร้างผลลัพธ์ได้จริง”
ในประเทศไทย อุตสาหกรรมหลักอย่าง การผลิต ยานยนต์ การค้า และบริการทางการเงิน ต่างเลือกใช้ SAP เป็น “โครงสร้างหลัก” ของการบริหารธุรกิจ เช่น
- การผลิต
ช่วยตั้งแต่การวางแผนการผลิต การจัดซื้อวัตถุดิบ การบริหารต้นทุน ไปจนถึงควบคุมสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของการผลิตได้ครบถ้วน และตัดสินใจได้ทันต่อสถานการณ์
ช่วยตั้งแต่การวางแผนการผลิต การจัดซื้อวัตถุดิบ การบริหารต้นทุน ไปจนถึงควบคุมสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของการผลิตได้ครบถ้วน และตัดสินใจได้ทันต่อสถานการณ์
- ยานยนต์
บริหารกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน ตั้งแต่จัดหาชิ้นส่วนจากซัปพลายเออร์ ควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงติดตามการส่งมอบรถยนต์ พร้อมระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเสีย
บริหารกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน ตั้งแต่จัดหาชิ้นส่วนจากซัปพลายเออร์ ควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงติดตามการส่งมอบรถยนต์ พร้อมระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเสีย
- การค้าและซัปพลายเชน
ช่วยให้เห็นภาพรวมของการเคลื่อนไหวสินค้าและต้นทุนในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่การสั่งซื้อ การจัดเก็บ การกระจายสินค้า ไปจนถึงการส่งมอบถึงมือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้เห็นภาพรวมของการเคลื่อนไหวสินค้าและต้นทุนในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่การสั่งซื้อ การจัดเก็บ การกระจายสินค้า ไปจนถึงการส่งมอบถึงมือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- การเงินและธนาคาร
บริหารข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลทางการเงิน
และยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์สินเชื่อ การบริหารความเสี่ยง และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
บริหารข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลทางการเงิน
และยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์สินเชื่อ การบริหารความเสี่ยง และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
โดยความแตกต่างระหว่างองค์กรที่ใช้ SAP กับองค์กรที่ยังไม่ใช้ระบบมาตรฐานโลก เห็นได้ชัดใน 3 ด้านหลักคือ
1. ความถูกต้องของข้อมูล
ทุกแผนกทำงานบนฐานข้อมูลเดียวกัน (Single Source of Truth) ลดความคลาดเคลื่อน และเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
ทุกแผนกทำงานบนฐานข้อมูลเดียวกัน (Single Source of Truth) ลดความคลาดเคลื่อน และเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
2. ความรวดเร็วในการตัดสินใจ
ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้บริหารวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์ได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด
ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้บริหารวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์ได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด
3. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
ระบบเชื่อมโยงทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน ลดการทำงานซ้ำซ้อน และเพิ่มความคล่องตัวในการบริหาร
ระบบเชื่อมโยงทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน ลดการทำงานซ้ำซ้อน และเพิ่มความคล่องตัวในการบริหาร
เรียกได้ว่า องค์กรที่ใช้ SAP สามารถบริหารธุรกิจบน “โครงสร้างข้อมูลเดียวกัน”
ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในยุคที่ข้อมูลและความเร็ว คือหัวใจของการตัดสินใจทางธุรกิจ
ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในยุคที่ข้อมูลและความเร็ว คือหัวใจของการตัดสินใจทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม หลายคนยังเข้าใจว่า SAP เป็นเพียงระบบ ERP สำหรับจัดการหลังบ้าน
แต่ในความเป็นจริง SAP ได้พัฒนาไปไกลกว่านั้น กลายเป็น Growth Platform ที่ช่วยให้องค์กร “เชื่อมโยง ต่อยอด และขยาย” ธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ
แต่ในความเป็นจริง SAP ได้พัฒนาไปไกลกว่านั้น กลายเป็น Growth Platform ที่ช่วยให้องค์กร “เชื่อมโยง ต่อยอด และขยาย” ธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ
การลงทุนใน SAP จึงไม่ใช่แค่การติดตั้งซอฟต์แวร์
แต่คือการยกระดับโครงสร้างขององค์กรให้พร้อมแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI และ Cloud ที่เข้ามาเสริมพลังให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แต่คือการยกระดับโครงสร้างขององค์กรให้พร้อมแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI และ Cloud ที่เข้ามาเสริมพลังให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แต่ “การติดตั้งระบบ” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เพราะระบบชั้นนำอย่าง SAP จำเป็นต้องได้รับการดูแลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและเทคโนโลยีอยู่เสมอ
เพราะระบบชั้นนำอย่าง SAP จำเป็นต้องได้รับการดูแลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและเทคโนโลยีอยู่เสมอ
หลายองค์กรที่ติดตั้งแล้วแต่ขาดการดูแล มักเผชิญปัญหา เช่น
- ระบบทำงานช้าหรือล่ม (Downtime) จนกระบวนการหลักหยุดชะงัก
- ข้อมูลไม่อัปเดตหรือไม่เชื่อมโยงกันระหว่างแผนก
- ฟังก์ชันที่มีอยู่ไม่ได้ถูกใช้เต็มศักยภาพ ทำให้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่าการลงทุน
- ข้อมูลไม่อัปเดตหรือไม่เชื่อมโยงกันระหว่างแผนก
- ฟังก์ชันที่มีอยู่ไม่ได้ถูกใช้เต็มศักยภาพ ทำให้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่าการลงทุน
ในทางกลับกัน องค์กรที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและบริหารจัดการระบบอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตเวอร์ชัน ปรับปรุงกระบวนการทำงาน
หรือใช้ข้อมูลเชิงลึกมาพัฒนา Workflow ให้เหมาะกับสถานการณ์จริงของธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตเวอร์ชัน ปรับปรุงกระบวนการทำงาน
หรือใช้ข้อมูลเชิงลึกมาพัฒนา Workflow ให้เหมาะกับสถานการณ์จริงของธุรกิจ
องค์กรเหล่านี้จึงสามารถ “ดึงศักยภาพของ SAP ออกมาได้อย่างเต็มที่”
เพราะสุดท้ายแล้ว ระบบที่ดี ต้องมาพร้อมกับ “คนที่เข้าใจระบบ”
เพราะสุดท้ายแล้ว ระบบที่ดี ต้องมาพร้อมกับ “คนที่เข้าใจระบบ”
และหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ระบบ SAP ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ คือบริการ AMS (Application Management Services) จาก ABeam Consulting ที่ช่วยดูแล ปรับปรุง และต่อยอดระบบอย่างต่อเนื่อง
แล้ว ABeam AMS ช่วยยกระดับองค์กรได้อย่างไร ?
ถ้าเปรียบ SAP คือ “โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง”
ABeam AMS ก็เปรียบเสมือน “แรงขับเคลื่อน” ที่ทำให้โครงสร้างนั้นไม่หยุดพัฒนา และต่อยอดมูลค่าได้อย่างต่อเนื่อง
ABeam AMS ก็เปรียบเสมือน “แรงขับเคลื่อน” ที่ทำให้โครงสร้างนั้นไม่หยุดพัฒนา และต่อยอดมูลค่าได้อย่างต่อเนื่อง
ABeam AMS มีหน้าที่ช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างชาญฉลาดขึ้น
ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างทีม วิเคราะห์โอกาสใหม่ทางธุรกิจ และขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน
ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างทีม วิเคราะห์โอกาสใหม่ทางธุรกิจ และขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน
ทีม ABeam AMS จะวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อหาจุดที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง ต่อยอดนวัตกรรม และพัฒนา Workflow ให้สร้างผลลัพธ์ที่ “จับต้องได้และวัดผลได้”
อีกสิ่งที่ ABeam AMS ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้นำด้านเทคโนโลยีขององค์กร เพราะ ABeam AMS ไม่ได้เป็นเพียงที่ปรึกษา แต่คือ “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์” (Long-Term Partner) ที่ร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไปพร้อมกับลูกค้า
โดยองค์กรที่เลือกใช้ ABeam AMS จะผ่าน 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่
1. การวิเคราะห์กระบวนการทำงาน
เริ่มจากทำความเข้าใจระบบและกระบวนการปัจจุบันของลูกค้าอย่างละเอียด
เพื่อวิเคราะห์และเสนอแนวทางที่เหมาะสมกับแต่ละองค์กร
เริ่มจากทำความเข้าใจระบบและกระบวนการปัจจุบันของลูกค้าอย่างละเอียด
เพื่อวิเคราะห์และเสนอแนวทางที่เหมาะสมกับแต่ละองค์กร
2. การนำเสนอและอนุมัติโครงการ
จัดทำข้อเสนอและแผนดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างทีมและลูกค้า
เมื่อเห็นพ้องกัน จึงเข้าสู่ขั้นตอนลงนามและเริ่มโครงการอย่างเป็นทางการ
จัดทำข้อเสนอและแผนดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างทีมและลูกค้า
เมื่อเห็นพ้องกัน จึงเข้าสู่ขั้นตอนลงนามและเริ่มโครงการอย่างเป็นทางการ
3. การดูแลและให้บริการต่อเนื่อง
ทีม ABeam AMS จะดูแลให้ระบบทำงานได้อย่างเสถียร พร้อมสนับสนุนและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิผลสูงสุด
ทีม ABeam AMS จะดูแลให้ระบบทำงานได้อย่างเสถียร พร้อมสนับสนุนและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิผลสูงสุด
แล้วลูกค้าจะได้อะไรจากสิ่งนี้ ?
องค์กรที่ร่วมงานกับ ABeam AMS จะได้มากกว่าแค่ “ระบบที่ทำงานได้”
แต่คือการยกระดับ ประสิทธิภาพ ความเสถียร และศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
แต่คือการยกระดับ ประสิทธิภาพ ความเสถียร และศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
เริ่มจากการลดภาระงานและต้นทุนในการดูแลระบบ ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างทีมลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญ ABeam AMS เพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด
จากนั้น ABeam AMS จะช่วยให้องค์กร “ก้าวจากการบำรุงรักษา สู่การพัฒนา” โดยต่อยอดระบบเดิมให้พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น
- Digital Supply Chain
บริหารห่วงโซ่อุปทานแบบเรียลไทม์ ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการวางแผน
บริหารห่วงโซ่อุปทานแบบเรียลไทม์ ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการวางแผน
- E-Procurement
ทำให้การจัดซื้อโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดเวลาอนุมัติ
ทำให้การจัดซื้อโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดเวลาอนุมัติ
- การอัปเกรดสู่ SAP S/4HANA
รองรับข้อมูลขนาดใหญ่ วิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และพร้อมต่อยอดสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
รองรับข้อมูลขนาดใหญ่ วิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และพร้อมต่อยอดสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
เรียกได้ว่า การมี SAP โดยไม่มี ABeam AMS ก็ไม่ต่างจากทีมฟุตบอลที่มีแต่นักเตะซูเปอร์สตาร์ แต่ไม่มีโคชคอยวางแผนและดูแล
แม้นักเตะจะเก่งแค่ไหน ทีมก็ยากจะประสบความสำเร็จ หากขาดการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่องจากทีมที่รู้จริง
แม้นักเตะจะเก่งแค่ไหน ทีมก็ยากจะประสบความสำเร็จ หากขาดการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่องจากทีมที่รู้จริง
ดังนั้น ผู้บริหารจึงควรมอง SAP และ ABeam AMS เป็น “การลงทุนคู่กัน”
เพราะ SAP คือ “ระบบ” ที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ธุรกิจเติบโต ส่วน ABeam AMS คือ “โคช” ที่ช่วยพัฒนา ปรับกลยุทธ์ และทำให้ระบบทำงานได้เต็มศักยภาพในทุกระยะ
เพราะ SAP คือ “ระบบ” ที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ธุรกิจเติบโต ส่วน ABeam AMS คือ “โคช” ที่ช่วยพัฒนา ปรับกลยุทธ์ และทำให้ระบบทำงานได้เต็มศักยภาพในทุกระยะ
เมื่อพูดถึง SAP และ AMS ทำไมหลายองค์กรถึงเลือก ABeam Consulting ?
เพราะ ABeam Consulting ไม่ได้เข้ามาในฐานะ “ผู้ให้บริการระบบ”
แต่เข้ามาเป็น “ผู้ลงมือทำร่วมกับองค์กร” ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางกลยุทธ์ ไปจนถึงวันที่ระบบต้องพัฒนาในเวอร์ชันถัดไป
แต่เข้ามาเป็น “ผู้ลงมือทำร่วมกับองค์กร” ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางกลยุทธ์ ไปจนถึงวันที่ระบบต้องพัฒนาในเวอร์ชันถัดไป
ABeam Consulting คือ “Real Partner” ขององค์กรธุรกิจไทย
ผู้เชื่อมโยงระหว่างระบบ ERP ชั้นนำของโลกอย่าง SAP, บริการ AMS ที่ช่วยดูแลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง, และองค์กรลูกค้า ให้ทำงานสอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้เชื่อมโยงระหว่างระบบ ERP ชั้นนำของโลกอย่าง SAP, บริการ AMS ที่ช่วยดูแลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง, และองค์กรลูกค้า ให้ทำงานสอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ทำให้ ABeam แตกต่าง คือการ “เริ่มจากธุรกิจ ไม่ใช่จากระบบ”
ทีม ABeam AMS จึงไม่ได้เพียงมอนิเตอร์ระบบ แต่เข้าไปทำความเข้าใจตั้งแต่กระบวนการทำงานจริง
ค้นหาปัญหาที่ซ่อนอยู่ใน Operation และมองหาโอกาสที่ระบบจะช่วยปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจได้
ทั้งในแง่ของการลดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการทำงาน และต่อยอดไปสู่โมเดลธุรกิจใหม่ในอนาคต
ทีม ABeam AMS จึงไม่ได้เพียงมอนิเตอร์ระบบ แต่เข้าไปทำความเข้าใจตั้งแต่กระบวนการทำงานจริง
ค้นหาปัญหาที่ซ่อนอยู่ใน Operation และมองหาโอกาสที่ระบบจะช่วยปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจได้
ทั้งในแง่ของการลดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการทำงาน และต่อยอดไปสู่โมเดลธุรกิจใหม่ในอนาคต
รู้หรือไม่ว่า ? ABeam Consulting คือหนึ่งในตัวแทนหลักของ SAP ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเครือข่ายกว่า 29 สำนักงานทั่วโลก ครอบคลุมทั้งยุโรป สหรัฐฯ และเอเชีย
พร้อมทีมที่ปรึกษามากกว่า 9,000 คน ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การวางแผนระบบ ไปจนถึงการดูแลหลังการใช้งาน
พร้อมทีมที่ปรึกษามากกว่า 9,000 คน ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การวางแผนระบบ ไปจนถึงการดูแลหลังการใช้งาน
ที่สำคัญ ABeam Consulting ไม่ได้เป็นเพียงพาร์ตเนอร์ของ SAP เท่านั้น
แต่ยังเป็นผู้ให้บริการ AMS แบบครบวงจร ที่ช่วยดูแลระบบ SAP ตั้งแต่ “ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
ตั้งแต่การวางแผน การติดตั้ง การดูแลประสิทธิภาพ ไปจนถึงการต่อยอดด้วยเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ระบบเติบโตไปพร้อมกับองค์กร
แต่ยังเป็นผู้ให้บริการ AMS แบบครบวงจร ที่ช่วยดูแลระบบ SAP ตั้งแต่ “ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
ตั้งแต่การวางแผน การติดตั้ง การดูแลประสิทธิภาพ ไปจนถึงการต่อยอดด้วยเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ระบบเติบโตไปพร้อมกับองค์กร
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จขององค์กรไม่ได้อยู่ที่ “มีระบบอะไร”
แต่อยู่ที่ “ใครทำให้ระบบนั้นสร้างผลลัพธ์ได้จริง”
แต่อยู่ที่ “ใครทำให้ระบบนั้นสร้างผลลัพธ์ได้จริง”
เรียกได้ว่า ABeam Consulting คือ “พาร์ตเนอร์แท้จริง” ขององค์กรยุคใหม่ ที่เข้าใจทั้งระบบ เทคโนโลยี และคนในองค์กรอย่างลึกซึ้ง
พร้อมช่วยให้องค์กรใช้ SAP ได้เต็มศักยภาพ และเติบโตได้อย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นั่นเอง..
พร้อมช่วยให้องค์กรใช้ SAP ได้เต็มศักยภาพ และเติบโตได้อย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นั่นเอง..
หมายเหตุ : มูลค่าบริษัท SAP SE ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2568