
เบื้องหลัง Keep The Core Clean คำตอบที่ใช่ของ SAP ยุคใหม่
เบื้องหลัง Keep The Core Clean คำตอบที่ใช่ของ SAP ยุคใหม่ / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x I AM Consulting
เมื่อธุรกิจเติบโต หนึ่งในสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยก็คือระบบ ERP แต่ด้วยกระบวนการทำงานของทุกอุตสาหกรรมที่มีความแตกต่างกัน แน่นอนว่า Product Features ปกติของระบบอาจจะไม่สอดรับเสมอไป จึงทำให้ต้อง Customize และอาจเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา
ซึ่งหนึ่งในทางออกที่จะช่วยให้สิ่งเหล่านี้ง่ายขึ้นคือ Keep The Core Clean ที่กำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญในยุค Cloud ERP ปัจจุบันนี้
ที่น่าสนใจคือ SAP สามารถทำ Clean Core ได้สำเร็จ จากการมี Best Practices ที่รวบรวมมากว่า 50 ปี สะท้อนถึงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของทุกอุตสาหกรรมเอาไว้ได้
แล้วสงสัยไหมว่า Keep The Core Clean คืออะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
“เทคโนโลยี” กับ “การอัปเกรด” ดูเป็นของคู่กัน เพื่อให้ได้สิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม
แต่ในโลกของการใช้งาน SAP หลายครั้งกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะระบบที่มีการ Customize มากเกินไป จะทำให้ระบบไม่เป็นไปตามมาตรฐานของผู้ผลิตอีกต่อไป
แต่ในโลกของการใช้งาน SAP หลายครั้งกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะระบบที่มีการ Customize มากเกินไป จะทำให้ระบบไม่เป็นไปตามมาตรฐานของผู้ผลิตอีกต่อไป
หลายองค์กรเลยตัดสินใจอยู่กับเวอร์ชันเก่า เพราะกลัวระบบมีปัญหาทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง
ขณะเดียวกันทีม Developer เองก็ต้องคอยตรวจเช็กโคดเดิมว่าจะกระทบส่วนไหนบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นคือ Technical Debt ยิ่งปรับแต่งมาก ยิ่งมีภาระในการบำรุงรักษามากขึ้น Technical Debt ก็ยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ขณะเดียวกันทีม Developer เองก็ต้องคอยตรวจเช็กโคดเดิมว่าจะกระทบส่วนไหนบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นคือ Technical Debt ยิ่งปรับแต่งมาก ยิ่งมีภาระในการบำรุงรักษามากขึ้น Technical Debt ก็ยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
พูดง่าย ๆ ว่าการปรับแต่ง Core ERP อาจแก้ปัญหาระยะสั้นได้
แต่กำลังสร้างข้อจำกัดระยะยาวแบบไม่รู้ตัว
แต่กำลังสร้างข้อจำกัดระยะยาวแบบไม่รู้ตัว
พอเป็นแบบนี้ แนวคิด Clean Core หรือการรักษา Core ให้สะอาด
จึงกลายมาเป็นรากฐานใหม่ที่สำคัญ เพื่อทำให้ระบบ ERP ยั่งยืน, อัปเกรดง่าย และลดการพึ่งพาทีม Developer ในอนาคต
จึงกลายมาเป็นรากฐานใหม่ที่สำคัญ เพื่อทำให้ระบบ ERP ยั่งยืน, อัปเกรดง่าย และลดการพึ่งพาทีม Developer ในอนาคต
แล้ว Clean Core ต้องทำอย่างไร ?
Clean Core คือ หลักการที่มุ่งเน้นการรักษาส่วนแกนกลาง (Core) ของระบบ SAP S/4HANA รวมถึง Cloud และ On-Premises ให้คงไว้ซึ่งมาตรฐานและโครงสร้างดั้งเดิมตามที่ SAP กำหนดไว้ให้มากที่สุด
หัวใจหลักของ Clean Core คือการหลีกเลี่ยงการแก้ไขหรือปรับแต่งโคดภายในระบบหลักโดยตรงให้ได้มากที่สุด (Modifications of the SAP Standard / Classic Customization)
ซึ่งแกนหลัก หรือ Core ในที่นี้ถูกครอบคลุมหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น
- กระบวนการ หรือ Processes คือการใช้กระบวนการทางธุรกิจมาตรฐานของ SAP S/4HANA
- ข้อมูล หรือ Data คือการใช้โมเดลข้อมูลมาตรฐาน
- การรวมระบบ หรือ Integration คือการใช้ API ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ หรือ Released APIs ในการเชื่อมต่อ
- การขยายฟังก์ชัน หรือ Extensibility คือการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ โดยต้องทําแบบแยกส่วน หรือ Decoupled ออกจากส่วนหลัก Core ของระบบ
- ข้อมูล หรือ Data คือการใช้โมเดลข้อมูลมาตรฐาน
- การรวมระบบ หรือ Integration คือการใช้ API ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ หรือ Released APIs ในการเชื่อมต่อ
- การขยายฟังก์ชัน หรือ Extensibility คือการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ โดยต้องทําแบบแยกส่วน หรือ Decoupled ออกจากส่วนหลัก Core ของระบบ
ขณะเดียวกัน หากจําเป็นต้องขยาย หรือเพิ่มฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ
องค์กรก็สามารถขยายฟังก์ชันได้ง่าย ๆ แบบ Side-by-Side ทั้งจาก SAP Business Technology Platform (SAP BTP)
องค์กรก็สามารถขยายฟังก์ชันได้ง่าย ๆ แบบ Side-by-Side ทั้งจาก SAP Business Technology Platform (SAP BTP)
รวมทั้งการขยายฟังก์ชันแบบ On-Stack ด้วยการใช้ ABAP Cloud Development Model และ API สาธารณะที่ปลอดภัยต่อการอัปเกรด
ทีนี้ลองมาดูกันว่า แนวคิด Clean Core ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ผ่านการใช้งาน SAP S/4HANA ในมุมต่าง ๆ กันบ้าง..
- ด้านการปรับแต่งหลัก หรือ Customization
จากเดิมที่สามารถปรับแต่งได้ด้วย Classic ABAP กลายมาเป็นการใช้งาน Extensibility Model (Side-by-Side / ABAP Cloud)
จากเดิมที่สามารถปรับแต่งได้ด้วย Classic ABAP กลายมาเป็นการใช้งาน Extensibility Model (Side-by-Side / ABAP Cloud)
- การอัปเกรด หรือ Upgrades
จากเดิมที่ซับซ้อน และต้องมีการทดสอบและแก้ไข (Remediation) โคดใหม่ทุกครั้งที่อัปเกรดกลายเป็นรวดเร็ว, ราบรื่น และต่อเนื่อง ด้วยการ Biannually Updates สําหรับ Public Cloud เนื่องจาก Core ไม่ถูกกระทบ
จากเดิมที่ซับซ้อน และต้องมีการทดสอบและแก้ไข (Remediation) โคดใหม่ทุกครั้งที่อัปเกรดกลายเป็นรวดเร็ว, ราบรื่น และต่อเนื่อง ด้วยการ Biannually Updates สําหรับ Public Cloud เนื่องจาก Core ไม่ถูกกระทบ
- หนี้ทางเทคนิค หรือ Technical Debt
จากเดิมที่ต้องมีภาระค่าบำรุงสูง กลายมาเป็นภาระหนี้ทางเทคนิคตํ่า และยังช่วยลดภาระในการจัดการโคดที่ปรับแต่ง และช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO)
จากเดิมที่ต้องมีภาระค่าบำรุงสูง กลายมาเป็นภาระหนี้ทางเทคนิคตํ่า และยังช่วยลดภาระในการจัดการโคดที่ปรับแต่ง และช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO)
- นวัตกรรม หรือ Innovation
จากเดิมที่มักจะล่าช้า กลายมาเป็นความรวดเร็ว สามารถเข้าถึงนวัตกรรมล่าสุด อย่างเช่น SAP Joule (AI Copilot จาก SAP) รวมทั้งฟีเชอร์ใหม่ ๆ ได้ทันที ผ่านการอัปเดตอัตโนมัติ
จากเดิมที่มักจะล่าช้า กลายมาเป็นความรวดเร็ว สามารถเข้าถึงนวัตกรรมล่าสุด อย่างเช่น SAP Joule (AI Copilot จาก SAP) รวมทั้งฟีเชอร์ใหม่ ๆ ได้ทันที ผ่านการอัปเดตอัตโนมัติ
- การขยายแพลตฟอร์ม
จากเดิมที่ส่วนใหญ่อยู่ในระบบหลัก กลายมาเป็นเน้นการใช้ SAP Business Technology Platform หรือ BTP ช่วยในการขยายฟังก์ชันแยกส่วน
จากเดิมที่ส่วนใหญ่อยู่ในระบบหลัก กลายมาเป็นเน้นการใช้ SAP Business Technology Platform หรือ BTP ช่วยในการขยายฟังก์ชันแยกส่วน
พูดง่าย ๆ ว่าสรุปแล้ว 4 ประโยชน์หลัก ๆ ที่ผู้ประกอบการจะได้รับ คือ
1. สามารถสร้างนวัตกรรมที่รวดเร็ว และต่อเนื่อง
เมื่อองค์กรสามารถอัปเดตทุกครึ่งปีใน Public Cloud ได้ง่ายและรวดเร็ว
จึงมีโอกาสใช้งานฟีเชอร์ใหม่ ๆ ด้านความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ทันที
จึงมีโอกาสใช้งานฟีเชอร์ใหม่ ๆ ด้านความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ทันที
ที่สำคัญ สามารถเลือกใช้ SAP BTP เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันเสริมใหม่ ๆ ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น AI, Machine Learning และ IoT ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่กระทบต่อระบบ Core
2. ช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ หรือ Lower Total Cost of Ownership (TCO)
คอนเซปต์ Core Clean ช่วยลดทั้งเวลาในการทำงาน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการแก้ไขโคดที่ปรับแต่ง เมื่ออัปเกรดระบบ อีกทั้งยังช่วยให้การบำรุงรักษาทำได้ง่ายขึ้น
3. ช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจ
ทั้งในแง่ของความมั่นใจในความเสถียร และความน่าเชื่อถือของระบบ Core
นอกจากนี้ องค์กรยังเปลี่ยนแปลงตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาและปรับใช้ส่วนขยาย (Extensions) อย่างอิสระจากระบบ Core
นอกจากนี้ องค์กรยังเปลี่ยนแปลงตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาและปรับใช้ส่วนขยาย (Extensions) อย่างอิสระจากระบบ Core
4. เพิ่มความพร้อมสําหรับคลาวด์
ถือเป็นรากฐานสําคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบ Cloud ERP และการใช้บริการคลาวด์ใหม่ ๆ ในอนาคต
ถือเป็นรากฐานสําคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบ Cloud ERP และการใช้บริการคลาวด์ใหม่ ๆ ในอนาคต
สุดท้ายแล้วภายใต้ความท้าทายในการปรับตัวยุคนี้ หนึ่งในพาร์ตเนอร์ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำมากกว่า 200 บริษัทก็คือ I AM Consulting
บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติไทย ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ และมี TIS INTEC Japan หนึ่งในผู้นำด้าน IT TOP 5 ของญี่ปุ่น เป็นบริษัทแม่
บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติไทย ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ และมี TIS INTEC Japan หนึ่งในผู้นำด้าน IT TOP 5 ของญี่ปุ่น เป็นบริษัทแม่
หากใครกำลังมองหาที่ปรึกษา SAP ที่ครบเครื่องด้วย Digital Solutions หลากหลายรูปแบบ
พร้อมบริการ AMS (Application Management Services) ที่ช่วยดูแลระบบของคุณอย่างต่อเนื่องและมั่นใจในทุกก้าวของการเดินทางด้านดิจิทัล
I AM Consulting คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม
พร้อมบริการ AMS (Application Management Services) ที่ช่วยดูแลระบบของคุณอย่างต่อเนื่องและมั่นใจในทุกก้าวของการเดินทางด้านดิจิทัล
I AM Consulting คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม
กลับมาที่เรื่อง Clean Core ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ คงเข้าใจแล้วว่า แนวคิด Clean Core แท้จริงแล้ว ไม่ใช่แค่ Concept แต่เป็นการกำหนดเทรนด์ใหม่ของระบบ ERP
จาก “การปรับแต่งแกนหลัก” ไปสู่ “การขยายฟังก์ชันอย่างชาญฉลาด”
เมื่อต้องการใช้ประโยชน์ของ Cloud ERP ระบบของเราควรออกแบบด้วยแนวคิด Clean Core
และถ้าต้องการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของระบบ.. มอบภารกิจนั้นให้ I AM Consulting ดูแลได้เลย..
และถ้าต้องการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของระบบ.. มอบภารกิจนั้นให้ I AM Consulting ดูแลได้เลย..
Reference
- เอกสารประชาสัมพันธ์ I AM Consulting
- เอกสารประชาสัมพันธ์ I AM Consulting