
เมื่อ BANPU ควบบริษัทกับ BPP ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์อะไรบ้าง ?
เมื่อ BANPU ควบบริษัทกับ BPP ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์อะไรบ้าง ? / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x BANPU
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ได้ประกาศควบบริษัทกับ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP พร้อมเสนอรับซื้อหุ้น BPP เป็นการทั่วไป จากผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินประมาณร้อยละ 21.34 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ BPP ในราคา 13.00 บาทต่อหุ้น โดยมีระยะเวลารับซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 1-23 ธันวาคม 2568
เมื่อการควบบริษัทเสร็จสมบูรณ์ BANPU และ BPP จะสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล และเกิดเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) พร้อมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ปี 2569
และที่น่าสนใจคือ ประโยชน์ที่ BANPU และผู้ถือหุ้นจะได้รับจากธุรกรรมการควบบริษัท ได้แก่
- ปลดล็อกมูลค่าธุรกิจเพื่อให้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
- ลดความซ้ำซ้อนในเชิงโครงสร้างธุรกิจและการบริหารจัดการ เพื่อให้มีความคล่องตัวสูง เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และช่วยลดต้นทุนต่าง ๆ
- จัดสรรเงินทุนและทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างโอกาสเติบโตของธุรกิจใหม่ ๆ
- ลดความซ้ำซ้อนในเชิงโครงสร้างธุรกิจและการบริหารจัดการ เพื่อให้มีความคล่องตัวสูง เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และช่วยลดต้นทุนต่าง ๆ
- จัดสรรเงินทุนและทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างโอกาสเติบโตของธุรกิจใหม่ ๆ
คำถามก็คือ ภายหลังการควบบริษัท BANPU จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และวางเป้าหมายในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนด้วยวิธีไหน ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
เดิมทีกิจการของ BANPU ดำเนิน 3 กลุ่มธุรกิจคือ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน, กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย ญี่ปุ่น เวียดนาม และสหรัฐฯ
โดยทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจนี้มีจุดเด่นที่ความหลากหลายของพลังงานทำให้ BANPU สามารถสร้างสมดุลพลังงานที่ตอบโจทย์ทั้งความเสถียร ราคาเข้าถึงได้ และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ส่วน บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้งพลังงานความร้อน และพลังงานหมุนเวียนรวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ในประเทศเดียวกับ BANPU ยกเว้นมองโกเลีย โดยจุดยืนของ BPP คือ บุกเบิกและส่งมอบพลังงานคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานระดับสากลและเชื่อถือได้
เมื่อควบบริษัทเข้าด้วยกัน จึงมีแผนการจัดระเบียบกลุ่มธุรกิจหลักภายใต้กลยุทธ์ “Energy Symphonics” เฟสใหม่ ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ
1. Next-Gen Mining เหมืองยุคใหม่
มีการใช้งาน AI และโซลูชันดิจิทัลต่าง ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจ เช่น ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องกับเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050
มีการใช้งาน AI และโซลูชันดิจิทัลต่าง ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจ เช่น ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องกับเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050
2. U.S. Closed-Loop Gas ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ
ดำเนินธุรกิจทั้ง ผลิตก๊าซธรรมชาติ–ใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้า–ดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) รวมถึงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ เพื่อส่งมอบพลังงานที่ทั้งมั่นคงและคาร์บอนต่ำ
ดำเนินธุรกิจทั้ง ผลิตก๊าซธรรมชาติ–ใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้า–ดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) รวมถึงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ เพื่อส่งมอบพลังงานที่ทั้งมั่นคงและคาร์บอนต่ำ
โดยโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ แห่งนี้ มีกำลังการผลิต 1.5 กิกะวัตต์ มีบริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) โดยมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ BANPU ที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 71 ในปัจจุบัน
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด ทาง BPP อยู่ระหว่างการเตรียมขายสิทธิการลงทุน (Membership Interests) บางส่วนในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัทร่วมทุน BKV-BPP Power LLC (BKV-BPP) ให้แก่ BKV (จากเดิมที่ถืออยู่ทั้งหมดจำนวนร้อยละ 50 ของจำนวนสิทธิการลงทุนทั้งหมดของ BKV-BPP) โดยดีลนี้จะมีมูลค่าประมาณ 230.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 7,512 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากดีลนี้ทาง BPP เองจะยังคงถือสิทธิการลงทุนร้อยละ 25 ในบริษัทดังกล่าว เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในธุรกิจ
โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในอนาคต โดยคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสแรกปี 2569 โดย BPP จะได้รับค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสิทธิลงทุนในรูปแบบเงินสดร้อยละ 50 และหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKV ร้อยละ 50 ของมูลค่าธุรกรรมรวมทั้งหมด
โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในอนาคต โดยคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสแรกปี 2569 โดย BPP จะได้รับค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสิทธิลงทุนในรูปแบบเงินสดร้อยละ 50 และหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKV ร้อยละ 50 ของมูลค่าธุรกรรมรวมทั้งหมด
3. Power+ ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่แข็งแกร่งของ BANPU พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน พลังงานหมุนเวียน และธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) การซื้อขายพลังงาน โครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติ ตอบโจทย์พลังงานเสถียร คาร์บอนต่ำ สร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันได้ขยายครอบคลุมทั้งเอเชียและสหรัฐฯ
4. Future Tech เทคโนโลยีแห่งอนาคต
มุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีใหม่และโซลูชันดิจิทัลด้านพลังงานที่เชื่อมโยงกับ Data Center และนวัตกรรมพลังงานที่มีการเสริมศักยภาพร่วมกัน (Synergy) กับธุรกิจอื่นในกลุ่มบริษัท
ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่แข็งแกร่งของ BANPU พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน พลังงานหมุนเวียน และธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) การซื้อขายพลังงาน โครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติ ตอบโจทย์พลังงานเสถียร คาร์บอนต่ำ สร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันได้ขยายครอบคลุมทั้งเอเชียและสหรัฐฯ
4. Future Tech เทคโนโลยีแห่งอนาคต
มุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีใหม่และโซลูชันดิจิทัลด้านพลังงานที่เชื่อมโยงกับ Data Center และนวัตกรรมพลังงานที่มีการเสริมศักยภาพร่วมกัน (Synergy) กับธุรกิจอื่นในกลุ่มบริษัท
โดยทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลักจะขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ Energy Symphonics ในเฟสต่อไปอย่างแข็งแกร่งขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายภายในปี 2030 คือ เพิ่ม EBITDA เป็น 1.5 เท่า พร้อมลดสัดส่วนรายได้หรือ EBITDA ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่าร้อยละ 50 และ
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าร้อยละ 20
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าร้อยละ 20
ทีนี้เรามาดูกันต่อว่าโครงสร้างธุรกิจใหม่นี้จะมาสร้างประโยชน์อะไรบ้าง ให้แก่กลุ่ม BANPU และผู้ถือหุ้น
1. สามารถปลดล็อกมูลค่าสินทรัพย์ต่าง ๆ ใน 4 กลุ่มธุรกิจหลักให้สะท้อนกับมูลค่าที่แท้จริง ตลอดจนสอดคล้องกับศักยภาพการเติบโตหลังควบบริษัท
2. ใช้กลยุทธ์เชิงรุกอย่างเข้มข้นในธุรกิจที่มีศักยภาพ ผ่านการ Synergies ระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจ ที่จะทำให้บริษัทฯ สร้างโอกาสไปสู่รายได้ใหม่ ๆ
3. สร้างกระแสเงินสดจากการเข้าเป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจ Power+ทั้งหมด
4. เสริมความแข็งแกร่งของสถานะการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ กระบวนการสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดังนี้ BANPU เข้าทำข้อเสนอรับซื้อหุ้น BPP เป็นการทั่วไป จากผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมดจำนวน 650,532,203 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 21.34 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ BPP ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 13.00 บาท โดยมีระยะเวลารับซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1-23 ธันวาคม 2568 (เฉพาะวันทำการ) ก่อนวันประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้นของ BANPU และ BPP ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 มกราคม 2569
โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน) เป็นตัวแทนในการรับซื้อหุ้นในครั้งนี้
สำหรับผู้ถือหุ้นที่ตอบรับข้อเสนอรับซื้อหุ้น สามารถยื่นแบบตอบรับข้อเสนอรับซื้อและเอกสารประกอบภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนี้
- หุ้นที่ฝากหลักทรัพย์ไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในระบบไร้ใบหุ้น (Scripless): 1-23 ธันวาคม 2568
- ใบหุ้น / หุ้นที่ฝากไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ในบัญชีของผู้ออกหลักทรัพย์ (Issuer Account) / NVDR: ขอความร่วมมือยื่นแบบตอบรับข้อเสนอรับซื้อหุ้นต่อตัวแทนในการรับซื้อหุ้นภายในวันที่ 19 ธันวาคม 2568 โดยตัวแทนในการรับซื้อหุ้นขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธการตอบรับข้อเสนอรับซื้อหุ้นหากยื่นภายหลังจากระยะเวลาดังกล่าว
ทั้งหมดนี้ถือเป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้น BANPU และ BPP ควรศึกษา เพื่อที่จะได้รับรู้ข้อเท็จจริงและแผนการเติบโตธุรกิจหลังควบบริษัทว่า ผู้ถือหุ้นอย่างเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการควบบริษัทครั้งนี้..