“จีน” สลัดภาพโรงงานโลก สู่ ผู้พลิกเกมพลังงานโลก

“จีน” สลัดภาพโรงงานโลก สู่ ผู้พลิกเกมพลังงานโลก

“จีน” สลัดภาพโรงงานโลก สู่ ผู้พลิกเกมพลังงานโลก / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x OR
ถ้าถามว่า ประเทศไหนคือ ผู้ผลิตและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ที่สุดในโลก
ประเทศไหนกำลังครอบงำอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของโลก และเป็นผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมนี้
สปอตไลต์แทบทุกดวง สาดส่องมาที่ “จีน”
ประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นโรงงานของโลก แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนกำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในโลก
งานนี้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
ซึ่งล่าสุด ลงทุนแมนได้ร่วมเดินทางไปกับ “OR Press Trip 2025”
ไปเมืองสำคัญทางตอนใต้ของจีน อย่างกว่างโจวและซัวเถา
ซึ่งเป็นที่ตั้งของ 2 บริษัทพลังงานที่เป็นจิกซอว์สำคัญในสมการของการก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของจีน
ทำไมเรื่องนี้ ถึงน่าสนใจ
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดหมายแรกของการเดินทางไปกว่างโจวครั้งนี้ ไม่ใช่ตลาดขายส่งเสื้อผ้าขนาดใหญ่ แต่คือ บริษัท Baiyun Power Group ผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชั้นนำของจีน
ใครจะคิดว่าจุดเริ่มต้นของ Baiyun Power Group
มีต้นกำเนิดมาจากครอบครัวช่างตีเหล็ก
จนมาสู่ผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตร ก่อนจะค่อย ๆ แตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจไฟฟ้า ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงาน ตั้งแต่การผลิตพลังงานสะอาด การส่งและกระจายกำลังไฟฟ้า ไปจนถึงการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด
รวมถึงการพัฒนาโซลูชันด้านสมาร์ตซิตี เช่น ระบบขนส่งรางไฟฟ้าอัจฉริยะ ระบบน้ำอัจฉริยะ ระบบสาธารณสุขอัจฉริยะ ระบบโลหการอัจฉริยะ อาคารและนิคมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ
ความน่าสนใจของ Baiyun Power Group คือ มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมระดับแรงดันตั้งแต่ 0.4 kV ถึง 1,100 kV
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีพอร์ตผลิตภัณฑ์ครบถ้วนที่สุดในประเทศ
และไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมถึงเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์และระบบควบคุมหลัก ให้กับโครงการสำคัญระดับชาติ เช่น State Grid, China Southern Power Grid, ระบบรถไฟฟ้าในเมือง และศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ
ปัจจุบัน Baiyun Power Group มีฐานการผลิตรวม 21 แห่งใน 20 เมืองทั่วประเทศ
ไฮไลต์ของการไปเยือน Baiyun Power Group คือ การสัมผัสนวัตกรรม V2G (Vehicle-to-Grid) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ให้รถไฟฟ้า (EV) สามารถ “ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่”
ขณะเดียวกันยังสามารถส่งพลังงาน (ไฟฟ้า) จากแบตเตอรี่ของรถกลับไปที่โครงข่ายไฟฟ้า (Grid) ได้
ข้อดีคือ ในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟสูง (Peak) รถ EV ที่จอดและชาร์จอยู่สามารถดึงพลังงานกลับไปช่วย Grid ได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน V2G ยังมีข้อจำกัดเชิงเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐานหลายด้าน เช่น ต้องเป็นรถที่รองรับมาตรฐาน Bidirectional Charging​
จากกว่างโจว ลงทุนแมนนั่งรถไฟความเร็วสูงของจีนเพียง 2 ชั่วโมงนิด ๆ ก็มาถึงซัวเถา
เพื่อไปพบ Huaneng Group หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของจีน จัดอยู่ใน “Big Five Power Generators” ภายใต้การกำกับของรัฐบาลกลางจีน และเป็นบริษัทที่ผลิตพลังงานสีเขียวหลากหลายรูปแบบที่สุด
ไฮไลต์ของบริษัทนี้คือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง Floating Solar Farm ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลกวางตุ้ง
ที่สำคัญยังมาพร้อมโมเดลพลังงานยุคใหม่ ที่เรียกว่า Green Plus (Green + X)
ที่มองข้ามช็อตไปไกลกว่าเรื่องพลังงาน แต่มองว่า “พลังงานต้องสร้างคุณค่าได้มากกว่าไฟฟ้า แต่ต้องผสานกับเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างกลมกลืน”
ความน่าสนใจคือ แทนที่จะเปลี่ยนพื้นที่ผิวน้ำ เป็นที่ตั้งของแผงโซลาร์ แบบที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป
โมเดลนี้ถูกต่อยอดไปถึงชุมชน ด้วยการเปลี่ยนบทบาทของแผงโซลาร์ ให้เป็นเหมือนผ้าใบยักษ์บนผิวน้ำ ที่นอกจากจะมีหน้าที่ผลิตพลังงาน ยังช่วยลดอุณหภูมิ และการระเหยของน้ำ
ทำให้นอกจากชาวบ้านสามารถใช้พื้นที่ใต้แผงเลี้ยงปลา-เลี้ยงกุ้ง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชุมชน ที่สร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนอีกด้วย
พูดง่าย ๆ ว่า โจทย์ของการเปลี่ยนผ่านพลังงานวันนี้ ไม่ใช่แค่การรักษ์โลกอีกต่อไป แต่ต้องสามารถเชื่อมโยงกับชุมชน ทำให้การเปลี่ยนผ่านพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของผู้คน
จากการไปชมต้นน้ำทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานยุคใหม่ของจีน ถ้าจะให้ลงทุนแมนถอดบทเรียนจากทริปนี้ ต้องบอกว่า จีนวันนี้ ไม่เหมือนวันวาน
ถ้าเปรียบเทียบจีนเป็นรถยนต์สักคัน วันนี้ จีนกำลังปรับโฉมรถทั้งคัน
แต่การปรับโฉมครั้งนี้ ไม่ได้ปรับตามใจ แต่ปรับตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน ที่กำลังเข้าสู่ยุค “High-quality Development”
เปลี่ยนจากการแข่งขันด้านราคา มาเป็นการแข่งขันด้วยคุณภาพ ประสิทธิภาพ เทคโนโลยี ความยั่งยืน และการผลิตอัจฉริยะ
ถึงตอนนี้ รถยนต์คันนี้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่จีนก็เริ่มอวดโฉมให้เห็นแล้วว่า อะไหล่แต่ละชิ้นที่จีนเอามาประกอบนั้นน่าสนใจแค่ไหน
เมื่อไรที่รถยนต์คันนี้ประกอบร่างเสร็จสมบูรณ์ จะไม่ใช่แค่พร้อมแล่นฉิว แบบไม่เห็นฝุ่น แต่จะทำให้ถนนทุกสายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ดังนั้น เพื่อก้าวไปให้ทันกับยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
OR หนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญในภาคพลังงานของไทย ไม่ได้มองว่า EV เป็นธุรกิจที่มาแทนน้ำมัน แต่คือจุดเริ่มต้นของ “New Energy Era ของประเทศไทย”
ภารกิจของ OR คือ การออกแบบ “New Energy Ecosystem” ที่สมบูรณ์กว่าเดิม ตอบโจทย์ทั้งพลังงานสะอาด อนาคตของ Mobility และคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค
หนึ่งในนั้นคือ การปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ใช้เวลาใน PTT Station นานขึ้น
เพราะในขณะที่จีนมีการติดตั้งสถานี Supercharger ที่ชาร์จไฟได้เร็ว และมีระบบไฟฟ้าที่รองรับการชาร์จไฟฟ้าที่รวดเร็ว
เช่น การชาร์จระดับ 600-800 kW ต่อคัน ใช้ระยะเวลาชาร์จสั้น
หากชาร์จพร้อมกัน 5 คันเท่ากับการใช้ไฟสูงถึง 4 เมกะวัตต์ ซึ่งจีนทำได้ แต่โครงสร้างระบบไฟฟ้าของไทยยังไม่เหมาะกับการติดตั้ง Supercharger และจำนวนรถที่รองรับได้น้อย
ดังนั้น OR มองว่ากำลังไฟ 120-180 kW ใช้เวลาชาร์จโดยเฉลี่ยประมาณ 30 นาที เป็นจุดที่สมดุลที่สุดสำหรับรถ EV ส่วนใหญ่และระบบไฟฟ้าของประเทศในปัจจุบัน
โจทย์ของ OR วันนี้ จึงไม่ใช่การอัปเกรดอานุภาพของการชาร์จ เพื่อย่นเวลา แต่จะใช้ประโยชน์จาก Golden Time ที่เกิดขึ้นอย่างไร
แน่นอนว่า เมื่อ Time Spent Expansion ในการใช้บริการในสถานีบริการของผู้ใช้รถเพิ่มขึ้นจาก 5 นาที เป็น 30 นาที
OR จึงตั้งใจพัฒนาพื้นที่ทั้ง PTT Station และ OR SPACE รวมถึงบริการเสริมต่าง ๆ ให้ยิ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนใช้รถ ด้วยการขยาย Ecosystem ที่สมบูรณ์ภายในสถานี ไม่ว่าจะเป็นการขยายแบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มบริการด้านสุขภาพ และไลฟ์สไตล์
พร้อมขยายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ให้กระจายทั่วประเทศ
จากในปี 2568 OR มีจุดชาร์จ EV เพิ่มเป็น 3,300 จุดชาร์จ และวางแผนเพิ่มเป็น 7,000 จุดชาร์จ ในปี 2573
สุดท้ายแล้ว ใครจะโลดแล่นในโลกพลังงานยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน คงต้องรอติดตาม
แต่เชื่อว่า โลกพลังงานใบใหม่ ไม่ใช่วัดกันว่า ใครจะทะยานไปข้างหน้าได้เร็วที่สุด​ แต่อยู่ที่ใครจะออกแบบเส้นทางของตัวเองที่ตอบโจทย์โลกพลังงานในอนาคต​ได้ดีกว่ากัน..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon