
Oren Zeev บริหารกองทุน VC 79,000 ล้าน โดยไม่จ้างพนักงานสักคน
Oren Zeev บริหารกองทุน VC 79,000 ล้าน โดยไม่จ้างพนักงานสักคน /โดย ลงทุนแมน
ในวงการกองทุน Venture Capital ที่ลงทุนในสตาร์ตอัป เรามักจะเห็นโครงสร้างองค์กรที่ประกอบไปด้วย หุ้นส่วน นักวิเคราะห์ หรือสำนักงานที่มีพนักงานหลายคน
ในวงการกองทุน Venture Capital ที่ลงทุนในสตาร์ตอัป เรามักจะเห็นโครงสร้างองค์กรที่ประกอบไปด้วย หุ้นส่วน นักวิเคราะห์ หรือสำนักงานที่มีพนักงานหลายคน
แต่รู้ไหมว่า มีบริษัทของนักลงทุนคนหนึ่งชื่อว่าคุณ “Oren Zeev” ซึ่งปฏิบัติการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว และประสบความสำเร็จจนสร้างความร่ำรวยได้มากถึง 6 หมื่นล้านบาท
เรื่องราวของชายคนนี้น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณ Oren Zeev เป็นนักลงทุนชาวอิสราเอล ปัจจุบันมีอายุ 61 ปี
ในอดีต เขาเริ่มต้นทำงานที่บริษัท IBM และได้รับผิดชอบงานด้านการออกแบบชิปประมวลผล เลยทำให้มีความสนใจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นพิเศษ
ต่อมาในปี 1995 คุณ Zeev จึงตัดสินใจก้าวเข้ามาสู่วงการ Venture Capital โดยสมัครทำงานกับบริษัทกองทุนชื่อว่า Apax Partners
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการวิเคราะห์การลงทุน และ Exit สตาร์ตอัปมากมายที่อยู่ในซิลิคอนแวลลีย์ ตั้งแต่ยุคที่อินเทอร์เน็ตกำลังรุ่งเรือง ไปจนถึงตอนหลังเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอม
ตัวอย่างดีลที่คุณ Zeev มีส่วนร่วมในขณะนั้น
- ลงทุนใน Butterfly บริษัทผลิตชิปบลูทูท ที่ต่อมาขายกิจการให้ Texas Instruments ในมูลค่า 1,570 ล้านบาท
- ลงทุนใน Audible ผู้ให้บริการ Digital Audiobook ที่ต่อมาขายหุ้นทำกำไรไปได้กว่า 4,000 ล้านบาท และถูก Amazon ซื้อกิจการไปในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาถึงปี 2007 คุณ Zeev ได้ลาออกจาก Apax Partners เพราะเบื่อหน่ายการเจรจากับทีมงานหรือหุ้นส่วน ซึ่งมีเงื่อนไขการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป
เขาเลยนำเงินเก็บไปลงทุนในสตาร์ตอัปด้วยตัวคนเดียวแทน หรือที่เรียกกันว่า Angel Investor
โดยก่อตั้งบริษัท Zeev Ventures ขึ้นมา เพื่อดำเนินการลงทุนแบบที่ไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีพนักงาน ไม่มีนักวิเคราะห์ ไม่มีสำนักงานใด ๆ ทำให้ตัดสินใจได้เองอย่างรวดเร็ว ในบางกรณีใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
ซึ่งหากต้องการหารือกับบริษัท เขาก็จะนัดผู้ประกอบการมาประชุมกันที่ร้านคาเฟในย่านซิลิคอนแวลลีย์
ทั้งนี้ คุณ Zeev ให้ความสำคัญกับผู้บริหารมากพอ ๆ กับไอเดียหรือเทคโนโลยี เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถนำพาธุรกิจสตาร์ตอัปที่มีความเสี่ยงสูง ให้ผ่านพ้นวิกฤติและประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว
ถ้าทุกอย่างลงตัว เขาก็กล้าที่จะลงทุนด้วยเงินหลักล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อหุ้นสัดส่วนอย่างน้อย 20-30% ตั้งแต่ช่วงระดมทุนรอบแรก ๆ และถือไปในระยะยาว
จนกระทั่งปี 2015 คุณ Zeev มีโอกาสเจอกับคุณ Peter Thiel นักลงทุนชื่อดังแห่งวงการ Venture Capital ซึ่งแนะนำให้บริษัทเปิดขายเป็นกองทุนเสียเลย เพื่อระดมเงินมาร่วมลงทุนได้มากยิ่งขึ้น
โดยยังคงหลักการในการทำงานคนเดียวเช่นเดิมได้ แต่มีการจ้าง Outsource งานหลังบ้านให้เป็นระบบ เช่น การจัดทำรายงานการลงทุน หรือจ่ายผลตอบแทนให้นักลงทุน
ทำให้ปัจจุบัน Zeev Ventures สามารถขยายการลงทุนในสตาร์ตอัปได้กว่า 50 บริษัท และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการอยู่ประมาณ 79,000 ล้านบาท
ตัวอย่างการลงทุนที่น่าสนใจของ Zeev Ventures
- Tipalti ธุรกิจฟินเทคบริหารจัดการเงิน ซึ่งมีสถานะในระดับยูนิคอร์น หลังจากในการระดมทุนรอบล่าสุด ได้ถูกประเมินมูลค่าไว้สูงถึง 260,000 ล้านบาท
- Houzz ธุรกิจเทคโนโลยีออกแบบตกแต่งบ้าน ซึ่งมีสถานะในระดับยูนิคอร์นเช่นกัน โดยถูกประเมินมูลค่าไว้ราว 125,000 ล้านบาท มาตั้งแต่ปี 2017
- Next Insurance ธุรกิจเทคโนโลยีประกันภัย ซึ่ง Zeev Ventures ได้ Exit ไปแล้ว หลังถูกซื้อกิจการไปโดยบริษัทประกันสัญชาติเยอรมัน ในมูลค่า 82,000 ล้านบาท
- Chegg ธุรกิจเทคโนโลยีการศึกษา ซึ่ง Zeev Ventures ได้ Exit ไปแล้ว หลังบริษัทเติบโตจน IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ด้วยมูลค่า 34,000 ล้านบาท
และล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา เพิ่งเกิดดีลที่ทำกำไรให้บริษัทมากสุด ก็ว่าได้
โดยบริษัท Navan หรือชื่อเดิมคือ TripActions เป็นแพลตฟอร์มวางแผนการเดินทาง ได้จดทะเบียน IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ด้วยมูลค่า 194,000 ล้านบาท
ซึ่ง Zeev Ventures นั้นถือหุ้นของ Navan มาตั้งแต่ช่วงก่อตั้งบริษัทในสัดส่วน 16% คิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน 31,000 ล้านบาท และยังไม่ได้ Exit แต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ นิตยสาร Forbes จึงได้มีการประเมินว่าคุณ Zeev มีทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่าสูงถึงประมาณ 63,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
เรื่องราวนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ในบางครั้งการลงทุนอาจไม่จำเป็นต้องใช้องค์กรขนาดใหญ่ หากผู้ตัดสินใจมีประสบการณ์และความเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้งเพียงพอ
แม้คุณ Oren Zeev ไม่ได้โด่งดังระดับตำนานในวงการ Venture Capital แต่ก็มีแนวทางการลงทุนที่สอดคล้องกับธรรมชาติของโลกสตาร์ตอัป
เนื่องจากในสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว การตัดสินใจในทันที อาจมีความสำคัญมากกว่าการวิเคราะห์ที่สมบูรณ์แบบ แต่ใช้เวลานานเกินไปจนพลาดจังหวะ
อย่างไรก็ตาม มันก็ต้องแลกมากับการยอมรับความเสี่ยงในระดับสูงเช่นเดียวกัน เพราะการลงทุนแบบลุยเดี่ยว หมายถึงไม่มีทีมคอยช่วยกรองมุมมองหรือถ่วงดุลความคิดเลย
เพราะต้องอย่าลืมว่าในเกมของสตาร์ตอัป ธุรกิจส่วนใหญ่มักล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ และการตัดสินใจผิดเพียงไม่กี่ครั้ง อาจสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ก็เป็นได้..