ทำไม Walmart อยากถือหุ้น TikTok?

ทำไม Walmart อยากถือหุ้น TikTok?

30 ก.ย. 2020
ทำไม Walmart อยากถือหุ้น TikTok? /โดย ลงทุนแมน
หนึ่งประเด็นใหญ่ของวงการเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น เรื่องการเจรจาซื้อขายกิจการ TikTok ในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งข่าวล่าสุดคือ “Oracle” บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และ “Walmart” บริษัทห้างค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯ ได้รับการอนุมัติจาก ดอนัลด์ ทรัมป์ ในเบื้องต้น ให้เข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ TikTok
สำหรับ Oracle ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
แต่บริษัทที่ดูไม่เกี่ยวข้องกับวงการโซเชียลมีเดีย อย่าง Walmart ทำไมถึงได้เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์มของแหล่งรวมนักคิด
ที่ช่วยอัปเดตสถานการณ์ ในรูปแบบบทความ วิดีโอ
รวมไปถึงพอดแคสต์ ที่มีให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
╚═══════════╝
TikTok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในรูปแบบวิดีโอสั้น ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้
แม้ TikTok จะเพิ่งเปิดให้บริการมาเพียง 4 ปี
แต่ในตอนนี้ กลับก้าวขึ้นมาเป็นที่นิยมของคนทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
และมีคนดาวน์โหลดแอป TikTok ลงมือถือทั่วโลกแล้ว มากกว่า 2,000 ล้านครั้ง
ปัจจุบัน TikTok มีผู้ที่ใช้งานประจำ หรือ Active Users ทั้งหมดมากกว่า 800 ล้านบัญชีต่อเดือน
ซึ่งในจำนวนนั้น เป็นชาวอเมริกันสูงถึง 100 ล้านบัญชี
ประเด็นก็คือ เจ้าของแพลตฟอร์มนี้
คือบริษัทเทคโนโลยีที่ชื่อว่า ByteDance
ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทสัญชาติจีน
หลายคนคงรู้กันดีว่า สหรัฐอเมริกา
ยังคงเป็นผู้ครองเบอร์หนึ่งในเรื่องเทคโนโลยีของโลก
แต่พอ TikTok ที่เจ้าของเป็นบริษัทจีนกลายเป็นที่นิยมขึ้นมา ก็เลยทำให้ ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เกิดความกังวลว่า TikTok และ ByteDance อาจมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง และข้อมูลของคนอเมริกัน
พอเป็นแบบนี้ ก็เลยเป็นที่มา ของการออกคำสั่งแบนแอปพลิเคชัน TikTok ของดอนัลด์ ทรัมป์
โดยคำสั่งนี้ มีเงื่อนไขว่า ถ้า TikTok อยากดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ต่อไป ก็ต้องขายกิจการในสหรัฐอเมริกา ให้กับบริษัทสัญชาติอเมริกันเท่านั้น
ซึ่งในเวลาต่อมา ก็มีหลายบริษัทให้ความสนใจต่อดีลนี้
โดยเฉพาะ Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก
แต่สุดท้ายบริษัทที่เจรจากับ ByteDance ได้สำเร็จ กลับไม่ใช่ Microsoft
แต่เป็น Oracle และ Walmart
โดยในเบื้องต้น ทั้ง 3 บริษัท คือ ByteDance, Oracle และ Walmart ตกลงกันว่า จะร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า “TikTok Global” เพื่อบริหารแพลตฟอร์ม TikTok ในสหรัฐฯ และบริษัทอเมริกันจะได้ถือหุ้น 20% แบ่งเป็น
Oracle ถือหุ้น 12.5%
Walmart ถือหุ้น 7.5%
ทาง Oracle ที่มีธุรกิจคลาวด์อยู่แล้ว จะรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยข้อมูลบนคลาวด์ของผู้ใช้งานชาวอเมริกัน ไม่ให้หน่วยงานจากจีนเข้าถึงได้ ซึ่งน่าจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้แก่บริษัท
แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ แล้วทางด้าน Walmart ได้ประโยชน์อะไรจากดีลนี้?
Walmart เป็นธุรกิจห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของโลก ที่ปัจจุบันมีจำนวนสาขาอยู่ประมาณ 11,500 แห่ง
ปัจจุบัน คนเริ่มหันมาซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่ง Walmart ก็ปรับตัวด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเอง รวมถึงเข้าซื้อกิจการต่างๆ เช่น
Jet.com เว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์
Flipkart บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของอินเดีย
Parcel บริษัทธุรกิจดิลิเวอรี
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า Walmart ก็ยังคงตามหลังเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon.com อยู่พอสมควร
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2020 ในประเทศสหรัฐอเมริกา
Walmart มียอดขายออนไลน์ 316,000 ล้านบาท
Amazon มียอดขายออนไลน์ 1,750,000 ล้านบาท
จะเห็นว่า Amazon.com มียอดขายบนช่องทางออนไลน์ ที่นำหน้า Walmart อยู่หลายเท่าตัว
พอเป็นแบบนี้ Walmart จึงต้องการสร้างฐานลูกค้าบนโลกออนไลน์ให้มากขึ้น และ “TikTok” นี่เอง ที่ Walmart มองว่า จะเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องนี้
สิ่งที่ Walmart มองเห็นคือ การซื้อขายสินค้าออนไลน์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่เรียกว่า “Social Commerce” ซึ่งเป็นรูปแบบที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ก็อย่างเช่น
บน TikTok จะมี Influencer ชื่อดังมารีวิวหรือโฆษณาสินค้า
ซึ่งถ้าผู้ชมดูแล้วอยากได้สินค้าตัวนั้น ก็สามารถกดปุ่มเพื่อเชื่อมต่อไปซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้ทันที
โดยตัวอย่างที่ว่ามานี้ เกิดขึ้นแล้วในประเทศจีน
และมีการประเมินว่า ตลาดในลักษณะของ Social Commerce มีมูลค่าอยู่ที่ 5.9 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตถึง 30% ในปีหน้า
และถ้าดูจากตัวเลขผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ ที่มีมากถึง 100 ล้านบัญชี
ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ Walmart จะอยากเข้ามาเป็นหนึ่งในเจ้าของ TikTok เพื่อต่อยอดธุรกิจในรูปแบบ Social Commerce ที่ว่านี้
โดยในข้อตกลง Walmart จะทำหน้าที่เชื่อม TikTok เข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเอง พร้อมทั้งสนับสนุนระบบการชำระเงิน และบริการจัดส่งสินค้า
ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ
กลุ่มลูกค้าเดิมของ Walmart มีอายุเฉลี่ยประมาณ 46 ปี
แต่ผู้ใช้งาน TikTok ประมาณครึ่งหนึ่ง เป็นวัยรุ่นอายุเฉลี่ยเพียง 18-24 ปี
ก็เท่ากับว่า Walmart ก็จะมีโอกาสได้ฐานลูกค้าที่มีอายุน้อยเพิ่มเข้ามาอีกมาก
อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ก็ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ล่าสุดทางรัฐบาลจีน ก็ได้ออกกฎหมายควบคุมเทคโนโลยีฉบับใหม่ ที่ทำให้ ByteDance ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเสียก่อน ถึงสามารถขายกิจการ TikTok ในสหรัฐอเมริกาได้

และถึงแม้ดีลนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ
ทั้ง Oracle และ Walmart คงยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก
เพราะ Oracle ไม่เคยมีประสบการณ์บริหารแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาก่อน
ในขณะที่ Walmart ก็ไม่คุ้นเคยกับกลุ่มลูกค้าอายุน้อย และไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องโซเชียลมีเดียมาก่อนเช่นกัน
ที่สำคัญคือ บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ก็กำลังสร้างแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นขึ้นมาแข่งขัน ซึ่งสุดท้ายอาจพัฒนาไปสู่ Social Commerce ได้
ไม่ว่าจะเป็น Facebook ที่พัฒนาฟีเจอร์ Reels ใน Instagram
หรือ YouTube ที่เริ่มทดลองฟีเจอร์ YouTube Shorts ในอินเดีย
สรุปแล้ว ไม่ว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ หรือไม่
แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นจากเรื่องนี้ก็คือ
ตลาดแบบ Social Commerce
กำลังเป็นที่น่าจับตามองของหลายบริษัทในตอนนี้
ซึ่ง TikTok ก็คือแพลตฟอร์มหนึ่ง ที่จะมาตอบโจทย์เรื่องนี้
และนั่นก็คือเหตุผล ที่ Walmart อยากถือหุ้น TikTok นั่นเอง..
----------------------
Blockdit เป็นแพลตฟอร์มของแหล่งรวมนักคิด
ที่ช่วยอัปเดตสถานการณ์ ในรูปแบบบทความ วิดีโอ
รวมไปถึงพอดแคสต์ ที่มีให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.