การ Spin-Off เป็นการที่บริษัทแม่ แยกส่วนธุรกิจบางส่วนของตนเองออกมา
ทำให้บริษัทที่ถูก Spin-Off ออกมา จะมีความเป็นอิสระในด้านนโยบายการบริหารงานจากบริษัทแม่

โดยส่วนที่แยกออกมาเป็นบริษัทใหม่นั้น
อาจอยู่ในรูปของบริษัทย่อย หรือบริษัทร่วมที่มีผู้บริหารคนละชุดกันกับบริษัทแม่

ยกตัวอย่างเช่น
บริษัท AA House ซึ่งเป็นบริษัทที่มีธุรกิจหลักคือ “สร้างบ้านขาย”
แต่นอกจากธุรกิจหลักแล้ว บริษัท AA House ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจคือการ “ขายเฟอร์นิเจอร์”
ซึ่งเดิมทีธุรกิจนี้มีจุดประสงค์หลัก คือ ขายเฟอร์นิเจอร์ให้กับบ้านที่ทางบริษัทสร้าง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์กลับเติบโตดีเกินคาด

ทำให้บริษัท AA House ตัดสินใจ แยกธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์
ออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ โดยตั้งชื่อว่าบริษัท AA Furniture
ซึ่งบริษัทแม่อย่าง AA House จะยังคงทำการถือหุ้นของบริษัท AA Furniture อยู่ 70%

ซึ่งการแยกธุรกิจออกมาในลักษณะนี้ เราจะเรียกว่าการ Spin-Off นั่นเอง

คำถามต่อไปคือ แล้วการ Spin-Off มีข้อดีอย่างไร
เราอาจแบ่งเป็นข้อดีของแต่ละฝ่ายได้ดังนี้

1. บริษัทลูกที่ “ถูก Spin-Off ออกมา”

- ทำให้บริษัทมีความเป็นอิสระ ในด้านนโยบายการบริหารงาน
- ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในมุมมองของนักลงทุน
- ทำให้รับรู้มูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจที่ถูก Spin-Off ออกมา
- ทำให้บริษัทสามารถระดมทุนได้เอง ผ่านการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้กับประชาชน หรือ IPO

2. บริษัทแม่ที่ทำการ “Spin-Off บริษัทลูกออก”

- จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หุ้นของบริษัทแม่
- การระดมทุนของบริษัทลูก จะช่วยลดภาระ หรือการช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัทแม่

สรุปแล้ว การ Spin-Off
คือ การแยกธุรกิจบางส่วนของบริษัทแม่ ออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่
ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ บริษัททั้งสองมีอิสระในการบริหารต่อกันแล้ว

การ Spin-Off ยังทำให้เราเห็น โครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจนั้นได้อีกด้วย..