รู้จัก “The Concert Application” สตาร์ตอัปบัตรคอนเสิร์ต สำหรับสายปาร์ตี
รู้จัก “The Concert Application” สตาร์ตอัปบัตรคอนเสิร์ต สำหรับสายปาร์ตี
The Concert x ลงทุนแมน
The Concert x ลงทุนแมน
ในวันที่สถานการณ์ของโควิด 19 เริ่มคลี่คลาย
หนึ่งในธุรกิจที่จะกลับมาเติบโตอย่างร้อนแรงก็คือ ธุรกิจสถานบันเทิง รวมไปถึงงานคอนเสิร์ต
หนึ่งในธุรกิจที่จะกลับมาเติบโตอย่างร้อนแรงก็คือ ธุรกิจสถานบันเทิง รวมไปถึงงานคอนเสิร์ต
ผลวิจัยจาก Million Insights ชี้ชัดว่าจากนี้ ไปจนถึงปี 2028
มูลค่าบัตรคอนเสิร์ตทั่วโลก จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตรา 18.4% ต่อปี
จนมีมูลค่าสูงถึง 7.4 แสนล้านบาท ในปี 2028
มูลค่าบัตรคอนเสิร์ตทั่วโลก จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตรา 18.4% ต่อปี
จนมีมูลค่าสูงถึง 7.4 แสนล้านบาท ในปี 2028
สำหรับประเทศไทย ก็มีสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยี ชื่อว่า “The Concert Application”
ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องบัตรคอนเสิร์ต แถมยังมีทีมงานทั้งหมดเป็นคนไทยอีกด้วย
ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องบัตรคอนเสิร์ต แถมยังมีทีมงานทั้งหมดเป็นคนไทยอีกด้วย
ที่น่าสนใจก็คือ แม้ในช่วงวิกฤติโควิด 19 ที่ผ่านมา
ธุรกิจคอนเสิร์ต จะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ธุรกิจคอนเสิร์ต จะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แต่ The Concert กลับพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
โดยใช้โอกาสนั้น ในการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น
โดยใช้โอกาสนั้น ในการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น
จนวันนี้ The Concert ขึ้นแท่นเป็น แหล่งรวมคอนเสิร์ตและปาร์ตี อันดับ 1 ของประเทศไทย
The Concert มีที่มาอย่างไร ?
ทำไมถึงก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ทำไมถึงก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจโมเดลธุรกิจของ The Concert ก่อนว่า
เป็นแอปพลิเคชัน ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อเป็นแพลตฟอร์มตัวกลาง
ระหว่างฝั่งหนึ่ง คือ ผับบาร์, ผู้จัดคอนเสิร์ต และศิลปิน
กับฝั่งของ คนเที่ยวและผู้เข้าชมคอนเสิร์ต ให้มาเจอกัน
เป็นแอปพลิเคชัน ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อเป็นแพลตฟอร์มตัวกลาง
ระหว่างฝั่งหนึ่ง คือ ผับบาร์, ผู้จัดคอนเสิร์ต และศิลปิน
กับฝั่งของ คนเที่ยวและผู้เข้าชมคอนเสิร์ต ให้มาเจอกัน
โดยจุดเริ่มต้นของ The Concert เกิดจากการรวมตัวกันของคนในวงการ ที่ได้นำจุดแข็ง, ปัญหา และ Pain Point ต่าง ๆ มาเป็นโจทย์ เช่น
- ปัญหาในการโปรโมตงาน และการขายตั๋ว ของร้านผับบาร์
- ปัญหาด้านความไม่สะดวกสบาย ของผู้เข้าชม
- ปัญหาในส่วนของขั้นตอนและค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็น ของฝ่ายผู้จัดงาน
- ปัญหาด้านความไม่สะดวกสบาย ของผู้เข้าชม
- ปัญหาในส่วนของขั้นตอนและค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็น ของฝ่ายผู้จัดงาน
จากนั้นนำจุดอ่อนมาปรับปรุง และพัฒนาขึ้น จนเป็นจุดแข็งและทำให้ The Concert กลายเป็นแอปฯ ด้านคอนเสิร์ตแบบ One Stop Service
ทีนี้ เรามาดูกันว่า จุดเด่นที่ทำให้ The Concert โดดเด่น มีอะไรบ้าง ?
1. โฟกัส เฉพาะคอนเสิร์ต และ Nightlife
ข้อดีของการเลือกโฟกัส คือ ทำให้คนที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม The Concert ล้วนเป็นกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน
ซึ่งเรื่องนี้ ส่งผลดีต่อทั้งฝั่งสถานบันเทิง, ผู้จัด และศิลปิน เพราะสามารถเลือกทำการตลาด ไปได้ถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
ในขณะที่ผู้ใช้งาน ก็สามารถค้นหาอิเวนต์ที่สนใจได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาให้ยุ่งยาก
2. Ticketing หรือ ระบบบัตรคอนเสิร์ต
ถ้าเรานำภาพของระบบบัตรคอนเสิร์ตมาขยายดู จะพบว่าเป็นส่วนที่มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับคนหลายกลุ่ม
รวมถึงมีการไหลของข้อมูลอยู่มากมายเช่นกัน
รวมถึงมีการไหลของข้อมูลอยู่มากมายเช่นกัน
สำหรับระบบบัตรคอนเสิร์ต ที่ลงทุนแมนเห็นว่าน่าสนใจ ก็คือ
- ระบบการจองบัตรที่นั่งแบบเรียลไทม์ (Real Time Interactive Seat Booking)
ซึ่ง The Concert ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่พัฒนาวิธีการแสดงผลแบบนี้
ซึ่ง The Concert ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่พัฒนาวิธีการแสดงผลแบบนี้
โดยการแสดงผลแบบ Realtime นั้น จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เวลาที่ต้องจองบัตรคอนเสิร์ต ที่เป็นที่ต้องการมาก ๆ
ยกตัวอย่างเช่น คอนเสิร์ต “INKSYLAND ดินแดนขยี้ใจ”
ที่บัตรจำนวน 10,000 ที่นั่ง ถูกจองเต็มภายใน 5 นาที และจำหน่ายหมด (Sold Out) ภายใน 30 นาที
โดยมียอด Traffic รวม ในช่วงเวลาเปิดขายจนถึงช่วงบัตรหมด มากกว่า 100,000 ครั้ง
ที่บัตรจำนวน 10,000 ที่นั่ง ถูกจองเต็มภายใน 5 นาที และจำหน่ายหมด (Sold Out) ภายใน 30 นาที
โดยมียอด Traffic รวม ในช่วงเวลาเปิดขายจนถึงช่วงบัตรหมด มากกว่า 100,000 ครั้ง
จะเห็นได้ว่า ด้วยจำนวนบัตร, จำนวนคนที่สนใจ และช่วงระยะเวลาที่สั้น ถือเป็นโจทย์ที่ชาเลนจ์สำหรับการสร้าง Customer Journey ที่ดี
หากเปรียบเทียบกับระบบธรรมดา เมื่อมีคนกดเลือกที่นั่งเดียวกัน 10 คน
แต่พอถึงเวลาชำระเงิน จะมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ได้บัตร ส่วนอีก 9 คน จะต้องวนกลับไปเลือกที่นั่งใหม่
แต่พอถึงเวลาชำระเงิน จะมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ได้บัตร ส่วนอีก 9 คน จะต้องวนกลับไปเลือกที่นั่งใหม่
ซึ่งในเวลาเพียงเสี้ยววินาที บัตรทั้งระบบก็อาจถูกขายหมดแล้ว ทำให้ลูกค้า 9 คนนั้น พลาดโอกาสที่จะได้บัตร ทั้ง ๆ ที่เลือกที่นั่งได้แล้ว
ดังนั้น เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมีโอกาสได้เลือกที่นั่งที่ต้องการ และไม่พลาดโอกาสในการซื้อบัตร
The Concert จึงได้พัฒนาระบบ “Realtime Interactive Seat” โดยไม่มีระบบคิว
The Concert จึงได้พัฒนาระบบ “Realtime Interactive Seat” โดยไม่มีระบบคิว
เพื่อให้ผู้ที่กำลังรอกดบัตร มีโอกาสได้ครอบครองบัตรในทุก ๆ เสี้ยววินาทีที่มีที่นั่งว่าง และสามารถกดซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องไปเลือกที่นั่งซ้ำกับผู้อื่น
ทำให้ไม่เสียโอกาสและไม่ต้องรอลุ้นว่าจะได้บัตรหรือไม่
ซึ่งระบบนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อรองรับคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ มาตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งระบบนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อรองรับคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ มาตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน
- ระบบ Ticket Transfer
หนึ่งใน Pain Point ของคนที่ไปดูคอนเสิร์ต ก็คือ การที่ต้องออกมาส่งบัตรให้เพื่อนที่ตามมาทีหลัง
หนึ่งใน Pain Point ของคนที่ไปดูคอนเสิร์ต ก็คือ การที่ต้องออกมาส่งบัตรให้เพื่อนที่ตามมาทีหลัง
แต่ปัญหานี้จะหมดไป ด้วยระบบ Ticket Transfer สามารถส่งบัตรให้เพื่อนผ่านแอปฯ ได้ เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือ เท่านั้น
ระบบนี้ ไม่ได้ตอบโจทย์แค่ฝั่งผู้ใช้งาน แต่ในฝั่งของผู้จัดงานเองก็ได้ประโยชน์
เพราะช่วยลดปัญหาบัตรผีได้ แถมระบบหลังบ้านยังสามารถดูข้อมูลได้อีกว่า บัตรคอนเสิร์ตถูกส่งผ่านโดยใคร และใครเป็นผู้รับ
ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ยังสามารถนำไปต่อยอด เพื่อวิเคราะห์ และใช้ในการปรับปรุงการจัดคอนเสิร์ตในครั้งต่อ ๆ ไปให้ดีขึ้น รวมถึงสามารถนำไปใช้ในการทำการตลาดในอนาคตได้อีกด้วย
- Agent Ticket
ระบบตัวแทนจำหน่ายบัตร ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน สามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม จำหน่ายบัตรผ่านระบบของ The Concert
แทนที่จะนำไปขายเองข้างนอก
ระบบตัวแทนจำหน่ายบัตร ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน สามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม จำหน่ายบัตรผ่านระบบของ The Concert
แทนที่จะนำไปขายเองข้างนอก
ซึ่งเมื่อการซื้อขายเข้ามาอยู่ในระบบ ราคาก็จะเป็นมาตรฐาน และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ หากบัตรมีการปลอมแปลง หรือมีปัญหา
3. Community
จุดเด่นอีกอย่าง ที่ทำให้ The Concert มีความแตกต่าง ก็คือ
การให้ Partner อย่างผับบาร์ หรือศิลปิน สามารถสร้างเพจของตัวเอง และนำเสนอ Content เพื่อสื่อสารกับแฟนคลับของตัวเองได้
จุดเด่นอีกอย่าง ที่ทำให้ The Concert มีความแตกต่าง ก็คือ
การให้ Partner อย่างผับบาร์ หรือศิลปิน สามารถสร้างเพจของตัวเอง และนำเสนอ Content เพื่อสื่อสารกับแฟนคลับของตัวเองได้
แถม The Concert ก็ยังมีบริการ “การทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ต” หรือ SEM ให้กับ Partner ที่มาเข้าร่วมด้วย
ทำให้ชื่อของผับบาร์ที่เป็น Partner ถูกค้นหาได้ง่ายขึ้น และทำให้มีคนเข้ามาในแพลตฟอร์มมากขึ้น จนเกิดเป็น Community ของคนที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน
ในอนาคต Community นี้ ยังสามารถต่อยอดไปสู่ Network Effect
พูดง่าย ๆ ว่า ยิ่งเครือข่ายแข็งแกร่งมากเท่าไร ก็จะยิ่งชวนให้ Partner และผู้ใช้บริการเข้ามาสู่แพลตฟอร์มมากขึ้น และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แล้วที่ผ่านมา The Concert เติบโตมากแค่ไหน ?
ปี 2018
มีผู้ใช้งานทั้งหมด 31,390 คน
มีผู้ใช้งานทั้งหมด 31,390 คน
ปี 2020
มีผู้ใช้งานทั้งหมด 128,943 คน
มีผู้ใช้งานทั้งหมด 128,943 คน
เดือนตุลาคม ปี 2022
มีผู้ใช้งานทั้งหมด 373,588 คน
มีผู้ใช้งานทั้งหมด 373,588 คน
จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ใช้งาน เติบโตขึ้นมากกว่า 10 เท่า ในระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี
และด้วย Community ที่แข็งแกร่งนี้เอง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา The Concert ได้กลายเป็นช่องทางหลัก ที่สถานบันเทิงเลือกใช้ ในการจำหน่ายบัตรแสดงดนตรีสด
ซึ่งหากไม่นับการขายผ่านช่องทาง Social Media ของทางร้านเองแล้ว
บัตรคอนเสิร์ตจะถูกขายผ่าน The Concert ถึง 90% เลยทีเดียว
บัตรคอนเสิร์ตจะถูกขายผ่าน The Concert ถึง 90% เลยทีเดียว
อีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ The Concert มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ การพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
อย่างในช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 The Concert ก็ได้พัฒนาฟีเชอร์หลายอย่างขึ้นมา เช่น
- ฟีเชอร์ E-Ticket สำหรับการดูคอนเสิร์ตแบบ Live Streaming
รวมถึงพัฒนาช่องทางให้ผู้รับชม เข้าชม Live Streaming ได้สะดวกกว่าเดิม ทำให้ผู้จัดงานก็สามารถลดต้นทุนได้ จากขั้นตอนที่น้อยลง
รวมถึงพัฒนาช่องทางให้ผู้รับชม เข้าชม Live Streaming ได้สะดวกกว่าเดิม ทำให้ผู้จัดงานก็สามารถลดต้นทุนได้ จากขั้นตอนที่น้อยลง
- ฟีเชอร์ Vaccine Passport ระบบที่นำหลักฐานการฉีดวัคซีน รวมเข้ามาอยู่ในแอปพลิเคชันเดียว
ซึ่งนอกจากความสะดวกแล้ว ยังสามารถดู Timeline ย้อนหลัง และรับการแจ้งเตือนจุดที่มีการแพร่ระบาด ได้อีกด้วย
ซึ่งนอกจากความสะดวกแล้ว ยังสามารถดู Timeline ย้อนหลัง และรับการแจ้งเตือนจุดที่มีการแพร่ระบาด ได้อีกด้วย
ล่าสุด The Concert ก็ได้มีการพัฒนาไปสู่ NFT Ticket ด้วย
โดยร่วมมือกับ Boxx Music เปิดตัว NFT สุดพิเศษ “INK WARUNTORN Exclusive NFT Airdrop”
โดยร่วมมือกับ Boxx Music เปิดตัว NFT สุดพิเศษ “INK WARUNTORN Exclusive NFT Airdrop”
และในปีหน้า The Concert ยังเตรียมนำเทคโนโลยี NFT และ Web 3.0 มาพัฒนา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้กับทั้งค่ายเพลง, ศิลปิน, ผู้จัด และสมาชิก
ให้สามารถครอบครองเป็นเจ้าของ NFT และรับสิทธิประโยชน์ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า The Concert เป็นแอปฯ ที่มีระบบและฟีเชอร์ ที่ตอบโจทย์คนรักเสียงเพลงอย่างครบวงจร
แถมยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสอดรับกับเทรนด์ต่าง ๆ ในอนาคต ทั้งเรื่องแพลตฟอร์มดิจิทัล, การวิเคราะห์ข้อมูล, NFT และ Web 3.0
รวมไปถึงอยู่ในกระแสการเติบโตของธุรกิจคอนเสิร์ตด้วย
รวมไปถึงอยู่ในกระแสการเติบโตของธุรกิจคอนเสิร์ตด้วย
ที่สำคัญคือ ยังเป็นสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีที่มีผู้ก่อตั้งและทีมงานเป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งน่าจับตาและน่าสนับสนุนอย่างยิ่ง
Tag: The Concert