EssilorLuxottica X ลงทุนแมน

ประชากรทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะ “สายตาสั้น” เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
จากการศึกษาของ The International Myopia Institute (IMI) พบว่า ในปี 2020 มีประชากรที่สายตาสั้นกว่า 7.7 พันล้านคน คิดเป็น 33.9% ของจำนวนประชากรทั่วโลก

โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) มีการประเมินว่า ในปี 2050 จะมีประชากรโลกราว 50% หรือประมาณ 9.5 พันล้านคน ที่มีปัญหา “สายตาสั้น”

เทียบให้เห็นภาพชัด ๆ ก็คือใน 2 คนจะมี 1 คนที่มีปัญหาสายตาสั้น และหนึ่งในนั้นอาจเป็น ลูกหลาน ของเราก็เป็นได้ นับเป็นเรื่องใกล้ตัวและสำคัญ เพราะการมองเห็นที่ดี ส่งผลต่อการใช้ชีวิตรอบด้าน

แล้วเราจะรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

เมื่อรู้ถึงปัญหา ก็ต้องหาวิธีป้องกัน จนถึงการผ่อนหนักให้เป็นเบา ซึ่งก็มีอยู่หลายสารพัดวิธี เช่น ลดการใช้สายตาระยะใกล้จากการเล่นโทรศัพท์มือถือ, เล่นเกม, อ่านหนังสือ หรือการเพิ่มการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่ความจริงถือเป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะสารพัดกิจกรรมเหล่านี้ เรามักจะทำด้วยความคุ้นชิน โดยไม่รู้ตัว

ส่วนอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจก็คือ สวมใส่เลนส์แว่นตาที่มีคุณสมบัติชะลอการเพิ่มค่าสายตาสั้น โดยต้องเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย

ซึ่งหนึ่งบริษัทที่จริงจังกับเรื่องนี้เป็นพิเศษคือ EssilorLuxottica ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพดวงตา เบอร์ 1 ของโลก

ซึ่งมีการลงทุนวิจัยและพัฒนาเลนส์ที่ชื่อว่า STELLEST ที่มีการพิสูจน์แล้วว่า ชะลอการเพิ่มค่าสายตาสั้นในเด็กได้ถึง 67% กลายเป็น เลนส์ครองแชมป์อันดับ 1 ช่วยลดการเพิ่มขึ้นของค่าสายตาสั้นในเด็กสูงที่สุด

จริง ๆ แล้ว ภาวะสายตาสั้น ยิ่งเกิดขึ้นกับเด็กที่อายุน้อยมากเท่าไร พอโตเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ ค่าสายตาสั้นก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเร็วมากเท่านั้น ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ยิ่งค่าสายตาสั้นมากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเกี่ยวกับดวงตา
เช่น โรคต้อหิน, ต้อกระจก, จอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น

เรื่องนี้เป็นทั้งโอกาสทางการตลาด และพันธกิจของ EssilorLuxottica ที่ต้องการช่วยให้ประชากรโลก มีการมองเห็นที่ดี และมีชีวิตที่ดีขึ้น

ทำให้บริษัทลงทุนวิจัยคิดค้นเลนส์แว่นตา ที่ชะลอการเพิ่มขึ้นของค่าสายตาสั้นเด็ก ให้ได้มากที่สุด เท่าที่เทคโนโลยีจะสามารถทำได้ตอนนี้ จนได้เลนส์ที่ชื่อว่า STELLEST

สิ่งที่จะมาพิสูจน์ว่า เลนส์ชิ้นนี้ ถูกผลิตมาเพื่อการมองเห็นที่ดีของเด็กจริง ๆ ก็คือ การวิจัยกับเด็กที่ใช้เลนส์นี้จริง ๆ นั่นเอง

โดยในเดือนกรกฎาคม ปี 2018 ทาง EssilorLuxottica ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์เวินโจว ประเทศจีน

ด้วยการให้เด็กอายุ 8-13 ปี จำนวน 50 คน จากเด็กที่มีภาวะสายตาสั้นทั้งหมด 167 คน สวมใส่แว่นตาเลนส์ STELLEST นาน 2 ปี โดยสวมใส่วันละ 12 ชั่วโมง ทุกวัน

ผลปรากฏว่า เด็กที่สวมใส่แว่นตาเลนส์ STELLEST ชะลอการเพิ่มค่าสายตาสั้นเฉลี่ย 67% เมื่อเทียบกับเลนส์สายตาชั้นเดียวทั่วไป

ที่น่าสนใจคือ เลนส์ STELLEST ยังช่วยให้มองเห็นชัดเจน เหมือนกับเลนส์ชั้นเดียว 100%
อีกทั้ง เด็กยังสามารถใช้เวลาปรับตัวกับเลนส์แค่ 1 สัปดาห์ก็คุ้นเคย รู้สึกสวมใส่สบายตาทันที

พอเป็นแบบนี้เลย ทำให้เลนส์ STELLEST กลายเป็นสินค้าขายดีในประเทศจีน

ทีนี้ หลายคนคงอยากรู้ว่า เลนส์ชิ้นนี้ ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่สุดเจ๋งแค่ไหน ?

เชื่อหรือไม่ว่า STELLEST มีกลุ่มเลนส์ขนาดเล็ก 1,021 เลนส์ที่มีขนาดเล็กจนมองไม่เห็น อัดแน่นอยู่ในเลนส์ชิ้นใหญ่ชิ้นเดียว

เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อสร้างปริมาตรสัญญาณแสงด้านหน้าจอประสาทตา ช่วยชะลอการยืดตัวของกระบอกตา ด้วยเทคโนโลยี H.A.L.T ที่ช่วยควบคุมสายตาสั้น

จึงทำให้สามารถชะลอการเพิ่มค่าสายตาสั้นในเด็กโดยเฉลี่ย 67% เมื่อเทียบกับเลนส์ชิ้นเดียวทั่วไปที่ขายในร้านแว่นตาทั่วไป

แม้ STELLEST จะเปิดตัวมานาน และได้รับความนิยมอย่างสูง แต่กลับเพิ่งจะเริ่มวางขายในประเทศไทย

เหตุผลก็เพราะสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องมีการตรวจสอบเอกสารจากทางผู้เชี่ยวชาญ ว่าการทดลองเลนส์นี้มีข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ

ตรงนี้เปรียบเสมือนเป็นการตรวจสอบคุณภาพเลนส์ไปในตัว และช่วยสร้างความเชื่อมันให้แก่ผู้ปกครองที่จะตัดสินใจซื้อเลนส์ STELLEST

หากผู้ปกครองหรือเด็ก ๆ สนใจเลนส์ STELLEST

สามารถติดต่อปรึกษาตรวจวัดค่าสายตาได้ที่ร้านแว่นตาชั้นนำ Essilor Expert และ Essilor Partner ที่มีเทคโนโลยีล้ำ ๆ ในการวัดสายตาที่แม่นยำ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.essilor.co.th/en/products/stellest

เรื่องนี้ หากเปรียบเสมือนการลงทุน
เพื่อแลกกับสุขภาพตาที่ดีของลูกหลานเรา ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่สร้างโอกาสดี ๆ ในชีวิตมากมาย ก็เรียกได้ว่า เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างมหาศาลในอนาคต..

Reference
-งานแถลงข่าวเปิดตัวเลนส์ STELLEST
-https://myopiainstitute.org/