2 บริษัทยา ที่มีรายได้จาก โรคเบาหวาน เป็น 100,000 ล้าน

2 บริษัทยา ที่มีรายได้จาก โรคเบาหวาน เป็น 100,000 ล้าน

23 ต.ค. 2023
2 บริษัทยา ที่มีรายได้จาก โรคเบาหวาน เป็น 100,000 ล้าน /โดย ลงทุนแมน
ตั้งแต่ต้นปี ถ้าถามว่าหุ้นกลุ่มไหน
สร้างผลตอบแทนได้มากที่สุด
คำตอบก็คือ หุ้นกลุ่ม “Big Tech” หรือ 7 นางฟ้า ได้แก่ Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta, Tesla และ Nvidia สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย เป็นเท่าตัว
โดยตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา อุตสาหกรรมยา ก็ได้เติบโตขึ้นมาร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยมี 2 บริษัท ที่ราคาเพิ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง กว่าหุ้นเทคโนโลยีที่กล่าวมาทั้งหมด
บริษัทแรกคือ Eli Lilly บริษัทยาสัญชาติอเมริกัน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมา จนกลายเป็นบริษัทมูลค่ามากสุดอันดับ 10 ของโลก
อีกบริษัท คือ Novo Nordisk บริษัทยาสัญชาติเดนมาร์ก ตอนนี้กลายเป็นบริษัทมูลค่ามากสุดในยุโรป แซงแชมป์เก่าอย่าง LVMH ไปเป็นที่เรียบร้อย
ทำไมทั้ง 2 บริษัทนี้ ถึงร้อนแรงไม่แพ้หุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า บริษัทยาแต่ละบริษัท
จะมีความเชี่ยวชาญ ในการผลิตและคิดค้นยาที่แตกต่างกันออกไป
โดยตลาดยาเบาหวาน ที่มีคนป่วยทั่วโลกกว่า 500 ล้านคน มีเพียง 2 บริษัทที่ถือเป็นเจ้าตลาดยา นั่นคือ
- Novo Nordisk มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 41%
- Eli Lilly มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 23%
เรามาเริ่มต้นกันที่ Novo Nordisk
Novo Nordisk ก่อตั้งในปี 1923
โดยเริ่มมาจาก การขอวิธีรักษาเบาหวานด้วยอินซูลิน จากผู้ค้นพบ มารักษาตัวเอง
ก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทที่ประเทศเดนมาร์ก ในเวลาต่อมา
ส่งผลให้ในปัจจุบัน Novo Nordisk มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนายาเบาหวานเป็นอย่างมาก และในปีที่ผ่านมา ยอดขายยาเบาหวานก็เติบโตถึง 14% อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Novo Nordisk ยังมีรายได้มาจากยารักษาประเภทอื่น ๆ อีกด้วย
หากเราไปดูโครงสร้างรายได้ของ
บริษัทในปีที่ผ่านมา จะพบว่า
- ยารักษาโรคเบาหวาน 79%
- ยารักษาโรคหายาก 12%
- ยารักษาโรคอ้วน 9%
แม้จะเป็นเจ้าตลาด
แต่ Novo Nordisk ก็ยังมีคู่แข่งที่น่ากลัวอีกราย
นั่นคือ Eli Lilly ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด มากเป็นอันดับ 2 ในตลาดยาเบาหวาน
Eli Lilly ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 147 ปีก่อน โดยเป็นผู้พัฒนายาฉีดอินซูลินตัวแรกของโลก ทำให้มีความเชี่ยวชาญในการผลิตยาเบาหวานมาอย่างยาวนานเช่นกัน
โดยหากเราไปดูรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมา จะพบว่า
- ยารักษาโรคเบาหวาน 51%
- ยารักษาโรคมะเร็ง 20%
- ยารักษาโรคระบบภูมิคุ้มกัน 12%
- ยารักษาที่เกี่ยวกับระบบประสาท 5%
- ยารักษาโรคอื่น ๆ 12%
จะเห็นได้ว่า Eli Lilly ก็มีรายได้หลักจากการขายยาเบาหวาน เช่นเดียวกับ Novo Nordisk
ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดหลักอย่างยาเบาหวาน ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากรายได้ของกลุ่มยาเบาหวาน
ในช่วงที่ผ่านมา
รายได้จากยาเบาหวานของ Novo Nordisk
- ปี 2020 รายได้ 526,645 ล้านบาท
- ปี 2021 รายได้ 582,106 ล้านบาท
- ปี 2022 รายได้ 717,614 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 16.7% ต่อปี
รายได้จากยาเบาหวานของ Eli Lilly
- ปี 2020 รายได้ 430,154 ล้านบาท
- ปี 2021 รายได้ 479,334 ล้านบาท
- ปี 2022 รายได้ 525,751 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 10.5% ต่อปี
นอกจากนี้ Eli Lilly ไม่ได้แข่งขันกับ Novo Nordisk เพียงแค่เรื่องของยาเบาหวานเท่านั้น
เพราะปัจจุบัน ทั้งคู่ค้นพบ “ยารักษาโรคอ้วน” ได้ในช่วงระยะเวลาไล่ ๆ กัน
Novo Nordisk ได้คิดค้นยารักษาโรคอ้วน
ที่ชื่อว่า “Wegovy” และ “Saxenda” ซึ่งรายได้จากยากลุ่มนี้ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ปี 2020 รายได้ 28,838 ล้านบาท
- ปี 2021 รายได้ 43,196 ล้านบาท
- ปี 2022 รายได้ 86,721 ล้านบาท
แม้รายได้จะยังไม่ใช่สัดส่วนที่มากนัก แต่รายได้ส่วนนี้มีอัตราการเติบโตที่สูง โดยภายใน 2 ปี เติบโตเป็น 3 เท่าตัว
เช่นเดียวกันกับฝั่งของ Eli Lilly ก็ได้คิดค้นยาที่มีชื่อว่า “Mounjaro”
ซึ่งเพิ่งเริ่มวางขายในปีที่ผ่านมา แต่สามารถสร้างรายได้ให้บริษัท กว่า 17,520 ล้านบาท ไปเป็นที่เรียบร้อย..
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมมูลค่าบริษัทของทั้ง Eli Lilly และ Novo Nordisk ถึงเพิ่มขึ้นในระดับล้านล้านบาท ภายในระยะเวลาสั้น ๆ
เพราะความได้เปรียบอย่างหนึ่งของทั้งคู่คือ สิทธิบัตร ที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันคู่แข่งรายอื่น จนสามารถทุ่มเงินไปกับการวิจัยและพัฒนาได้อย่างเต็มที่
และในวันที่ยังมีคนป่วยจากโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือโรคหายากอยู่ ทั้ง 2 บริษัทก็ยังได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ถ้าถามว่าความเสี่ยงของธุรกิจนี้ คืออะไร
คำตอบก็คือ โลกที่ไม่มีผู้ป่วย
ทุกคนแข็งแรง สุขภาพดี และไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาโรค ซึ่งก็คงเป็นเรื่อง ที่เป็นไปได้ยากเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://investor.lilly.com/static-files/2f9b7bb1-f955-448d-baa2-c4343d39ee62
-https://www.novonordisk.com/content/dam/nncorp/global/en/investors/irmaterial/annual_report/2023/novo-nordisk-annual-report-2022
-https://www.barrons.com/articles/obesity-drug-market-eli-lilly-stock-price-7167afd9
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.