KAsset จับมือ J.P. Morgan Asset Management ติดปีกโอกาสการลงทุน ยุคนี้

KAsset จับมือ J.P. Morgan Asset Management ติดปีกโอกาสการลงทุน ยุคนี้

15 ม.ค. 2024
KAsset จับมือ J.P. Morgan Asset Management ติดปีกโอกาสการลงทุน ยุคนี้
KAsset x ลงทุนแมน
วิกฤติโรคระบาดจะหมดจริง ๆ เมื่อไร แล้วจะกลับมาระบาดหนักอีกไหม ?
ภาวะเงินเฟ้อสูงจะสิ้นสุดลงเมื่อใด หรือจะเป็นแบบนี้ไปตลอด ?
สงครามอิสราเอล-ฮามาส จะไม่ลุกลามไปสู่ประเทศอื่น ๆ จริงหรือ ?
คงไม่มีใครตอบได้ เพราะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก ส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ มีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งนั่นเองที่ทำให้พอร์ตการลงทุนของหลายคน ยากที่จะสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset จึงได้ประกาศผนึกกำลังกับบริษัทลูกของ JPMorgan Chase & Co. อย่าง J.P. Morgan Asset Management
เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้มีโซลูชันทางการเงินที่ดีกว่า เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน
ทำไม การผนึกกำลังครั้งนี้ ถึงมีความน่าสนใจ ?
แล้ว นักลงทุนไทย จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
J.P. Morgan Asset Management หรือ JPMAM คือผู้นำระดับโลกด้านการจัดการลงทุน มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงถึง 100 ล้านล้านบาท มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 1,300 คน
และยังมีกว่า 170 กองทุน ภายใต้การบริหาร ที่ได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar เรทติ้ง 4-5 ดาว
ปัจจุบัน JPMAM ให้บริการกับกลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายย่อย และผู้ลงทุนรายใหญ่ ในทุกตลาดหลักทั่วโลก
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการบริหารการลงทุน ที่ครอบคลุมหลากหลายสินทรัพย์
ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ เฮดจ์ฟันด์ และไพรเวทอิควิตี้ เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว
ส่วนในฝั่งของ KAsset เอง ก็เป็นผู้นำด้านการจัดการลงทุนของไทย ทั้งด้านธุรกิจกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1.49 ล้านล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ KAsset ต้องการเร่งการยกระดับประสบการณ์การลงทุน และสร้างความยั่งยืนในช่วงเวลานี้ คุณอดิศร เสริมชัยวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร KAsset ได้กล่าวว่า เพราะปัจจุบันผู้ลงทุนไทยประมาณ 60% กำลังเผชิญปัญหาพอร์ตการลงทุนที่มีความผันผวน
โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาด และวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยเหล่านี้เองที่ได้นำไปสู่ความผันผวนของตลาดอย่างต่อเนื่อง เลยทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ยากยิ่งขึ้น
KAsset จึงต้องมุ่งพัฒนาแผนกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการคัดเลือก และจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก พร้อมปรับรูปแบบการลงทุนให้สอดรับ และทันทุกการเปลี่ยนแปลง
เช่น การแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบ Core-Satellite Portfolio​ หรือการจัดพอร์ตที่มีความยืดหยุ่น เหมาะกับสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ผันผวน ตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่ม
ขณะที่คุณแดน วัตกินส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก JPMAM มองว่า ตลาดทุนไทย เป็นตลาดที่มีความคึกคัก และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค
ซึ่งปี 2567 ถือว่าครบ 10 ปีที่ทาง JPMAM ได้เข้ามาทำการตลาดที่ประเทศไทย โดยมี KAsset เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีเสมอมา
และการร่วมมือกับ KAsset ในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะนำเสนอโซลูชันการลงทุนที่ได้มาตรฐานระดับโลกให้กับผู้ลงทุนไทย และเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจของ JPMAM ไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย
โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่ KAsset และ JPMAM มองเห็นตรงกันคือ การให้ความสำคัญกับการบาลานซ์ความเสี่ยงด้วยกองทุนผสม หรือ Multi-Asset Solutions
แล้ว Multi-Asset Solutions คืออะไร ?
อธิบายง่าย ๆ คือ การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงของนักลงทุน พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
โดยเน้นลงทุนในตราสารต่าง ๆ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ หุ้น อนุพันธ์ หรืออสังหาริมทรัพย์
ซึ่งการลงทุนแนวนี้ จะทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง (Stay Invested) ถึงแม้ว่าตลาดจะอยู่ในภาวะผันผวน
โดย KAsset คาดการณ์ว่าภายในปี 2570 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า กองทุน Multi-Asset บลจ.กสิกรไทย จะมีมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านบาท
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง KAsset และ JPMAM เป็นโอกาสที่จะส่งมอบผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่นักลงทุนไทย อีกทั้งยังเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ KAsset เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพด้วย
พูดง่าย ๆ ว่า KAsset เติบโตไปอีกระดับ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การให้ข้อมูลเชิงลึก ทันสถานการณ์ และให้คำปรึกษาอย่างเข้าใจ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน
ซึ่งคนที่น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด ก็คือ นักลงทุนไทย นั่นเอง..
Reference:
-ข่าวประชาสัมพันธ์งาน Partnering for Success, Empowering your Wealth​
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.