สุกี้ตี๋น้อย กำไร 900 ล้าน อัศวินม้าขาว ช่วย JMART ขาดทุนน้อยลง /โดย ลงทุนแมน
วันนี้ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ได้รายงานผลประกอบการปี 2566 ว่ามีรายได้ 13,744 ล้านบาท แต่โดยรวมแล้วขาดทุน 447 ล้านบาท

และหากเจาะไปดูผลประกอบการของบริษัทลูกของ JMART อย่างเช่น

- JMT ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ถือหุ้นในสัดส่วน 53.85%
รายได้ 5,087 ล้านบาท กำไร 2,011 ล้านบาท

- Singer ธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมสินเชื่อเช่าซื้อ ถือหุ้นในสัดส่วน 25.20%
รายได้ 3,039 ล้านบาท ขาดทุน 3,209 ล้านบาท

- J ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถือหุ้นในสัดส่วน 66.69%
รายได้ 581 ล้านบาท กำไร 193 ล้านบาท

จะเห็นว่าธุรกิจหลักที่ฉุดให้ผลประกอบการโดยรวมขาดทุน คือ Singer ที่ขาดทุนกว่า 3,209 ล้านบาท

โดยสาเหตุหลักเกิดจาก การตั้งสำรองหนี้เสียของธุรกิจให้สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินเชื่อรถยนต์ จำนวน 4,174 ล้านบาท

ซึ่ง JMART ต้องรับรู้ผลขาดทุนของ Singer ตรงนี้ ตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ คิดเป็นราว ๆ 800 ล้านบาท

ที่น่าสนใจคือ ในรายงานได้มีการระบุกำไรจากเงินลงทุนใน บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด หรือ “สุกี้ ตี๋น้อย”

โดยปี 2566 สุกี้ตี๋น้อยมีกำไร 913 ล้านบาท
และทาง JMART ถือหุ้นในสัดส่วน 30%

เท่ากับว่า JMART รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากสุกี้ตี๋น้อย มา 274 ล้านบาท

หรือก็คือ สุกี้ตี๋น้อย มีส่วนช่วยให้ JMART ขาดทุนน้อยลง และถ้าหักส่วนแบ่งกำไรจากตรงนี้ออก JMART ก็จะมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 721 ล้านบาท..

และเมื่อเทียบเงินลงทุนที่ JMART ลงทุนในสุกี้ตี๋น้อยไปตอนสิ้นปี 2565 ด้วยเงินลงทุน 1,200 ล้านบาท ส่วนแบ่งรายได้ปีนี้ที่ JMART ได้ คิดเป็นผลตอบแทนมากถึง 23% เลยทีเดียว..

คิดง่าย ๆ หากผลประกอบการของสุกี้ตี๋น้อย ยังไม่ลดลง และสร้างผลตอบแทนให้ JMART ไปได้แบบนี้เรื่อย ๆ

อีกแค่ไม่ถึง 4 ปี เงินลงทุน 1,200 ล้านบาท ของ JMART ก็จะคืนทุนทั้งหมด..

คำเตือน : โพสต์นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ หรือ ขาย แต่อย่างใด