รู้จัก SMCI หุ้นอเมริกา 4 เด้งใน 4 เดือน

รู้จัก SMCI หุ้นอเมริกา 4 เด้งใน 4 เดือน

16 ก.พ. 2024
“นี่เป็นครั้งแรกที่ราคาหุ้นของบริษัทเราเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า ใน 1 ปี”
นั่นเป็นประโยคที่ คุณชาร์ล เลียง CEO และผู้ก่อตั้ง Super Micro Computer, Inc. (SMCI) บอกไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นล่าสุด
สำหรับคนที่ลงทุนในต่างประเทศ ก็คงจะได้ยินชื่อของ SMCI กันมาบ้าง เพราะบริษัทนี้มีมูลค่าโตระเบิดจาก 553,000 ล้านบาท กลายเป็น 2,020,000 ล้านบาท ทำให้ราคาเป็น 4 เท่าเมื่อเทียบกับราคาเดิม ในระยะเวลาแค่ 4 เดือน เท่านั้น
SMCI ทำธุรกิจอะไร
แล้วอะไรที่ทำให้ SMCI มีมูลค่าสูงขึ้นขนาดนั้น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
SMCI คือบริษัทที่ทำธุรกิจให้บริการประกอบตู้เซิร์ฟเวอร์ ที่ใช้ในการประมวลผลเรื่องซับซ้อน หรือใช้สำหรับเก็บข้อมูลจำนวนมาก
ซึ่งธุรกิจที่ต้องใช้บริการนี้ก็เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับ AI ที่ต้องใช้การประมวลผลในระดับสูง และเป็นกระแสมาแรงในตอนนี้
ไปจนถึงธุรกิจเกี่ยวกับ Data Center และคลาวด์ ที่ต้องเก็บข้อมูลจำนวนมาก
เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับ ธุรกิจร้านรับประกอบคอมพิวเตอร์สมัยก่อน ที่เราเดินเข้าไปบอกพนักงานว่า จะเอาคอมพิวเตอร์ไปใช้ทำอะไรบ้าง
แล้วหลังจากนั้นพนักงานก็จะจัดสเป็กให้ พร้อมประกอบให้เสร็จเรียบร้อย แค่ไปเสียบปลั๊กก็ใช้งานได้เลย
เราลองมาดูกันว่า SMCI มีรายได้จากธุรกิจไหนเป็นหลัก
สัดส่วนรายได้ของ SMCI
- ระบบเซิร์ฟเวอร์และระบบเก็บข้อมูล 92%
- ระบบย่อยและอุปกรณ์ 8%
ก็ต้องบอกว่า รายได้ของ SMCI เกือบทั้งหมด มาจากการประกอบตู้เซิร์ฟเวอร์
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็อาจจะสงสัยแล้วว่าตู้เซิร์ฟเวอร์มันเกี่ยวอะไรกับ AI ?
ก็ต้องเล่าก่อนว่า การพัฒนา AI เป็นเรื่องที่ต้องใช้การประมวลผลในระดับสูง
ซึ่งการใช้ CPU ที่เหมาะกับการประมวลผลในภาพรวมเลย อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพที่สุด
ต่อมา คนก็เลยหันมาใช้การ์ดจอ หรือ GPU ในการประมวลผลสำหรับ AI แทน เพราะเหมาะกับการประมวลผลเฉพาะทางมากกว่า ทำได้เร็วกว่า และประหยัดไฟมากกว่า
นั่นก็เลยทำให้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทที่ออกแบบการ์ดจอที่เรารู้จักกันได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น Nvidia, AMD และ Intel
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ บริษัทเหล่านี้เน้นไปที่การออกแบบชิปเป็นหลัก ซึ่งการจะให้มันใช้งานได้ ก็ต้องอาศัยการประกอบมันเข้ากับแผงวงจร จนเกิดเป็นระบบ
ซึ่ง SMCI เป็นคนรับบทนี้ โดยบริษัทมีจุดเด่นก็คือ สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ชื่อว่า Building Block ที่ช่วยให้ตู้เซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ประหยัดไฟมากกว่า และประมวลผลได้เร็วกว่า
พูดง่าย ๆ ก็คือ บริษัทมีระบบโครงสร้างที่ออกแบบขึ้นมาเอง ไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งทดสอบมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า
จุดเด่นอีกเรื่องก็คือ การที่บริษัทเป็นพาร์ตเนอร์กับ Nvidia, AMD และ Intel
หมายความว่าถ้าเกิด Nvidia, AMD หรือ Intel จะออกชิปตัวใหม่ขึ้นมา SMCI ก็จะออกแบบระบบที่เข้ากับชิปรุ่นใหม่ ๆ ให้สอดคล้องตามกันไปด้วย
นั่นเท่ากับว่าตัวประมวลผลเซิร์ฟเวอร์ของ SMCI จะล้อไปกับชิปรุ่นใหม่ ๆ เสมอ ทำให้เป็นที่ต้องการของเหล่านักพัฒนาที่ต้องการสเป็กเซิร์ฟเวอร์สูง ๆ เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา SMCI มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ต่างอะไรกับ Nvidia, AMD หรือ Intel ที่เป็นเจ้าของธุรกิจชิปเลย..
ต่อไปเราลองมาดูรายได้และกำไร ของ SMCI กัน
ปี 2021 รายได้ 128,000 ล้านบาท กำไร 4,030 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 187,000 ล้านบาท กำไร 10,300 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 257,000 ล้านบาท กำไร 23,100 ล้านบาท
รายได้โต 2 เท่า ใน 2 ปี
และ กำไรโต 6 เท่า..
สาเหตุที่รายได้เติบโต ก็เป็นเพราะว่าบริษัทได้ประโยชน์จากเรื่องเทรนด์การใช้งาน AI
ส่วนกำไรที่โตระเบิด ก็เป็นเพราะว่า บริษัทมีต้นทุนคงที่สูง ทำให้เมื่อรายได้เติบโตมากเท่าไร ก็จะไหลลงมาเป็นกำไรในสัดส่วนที่สูง
ทีนี้ บางคนอาจอยากรู้ว่า แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SMCI ?
รายชื่อผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรก
- คุณชาร์ล เลียง 12.0%
- บริษัท BlackRock Advisors 10.5%
- บริษัท Vanguard Fiduciary Trust 8.9%
- บริษัท The Vanguard Group 8.9%
- บริษัท Disciplined Growth Investors 4.9%
จะเห็นว่า นอกจากตัวผู้ก่อตั้งบริษัทเองแล้ว ก็จะมีนักลงทุนสถาบัน ที่สนใจและได้เข้ามาถือหุ้น SMCI ร่วมด้วย
ซึ่งหุ้น SMCI นั้น มี Free Float กว่า 84% จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนสถาบันชื่นชอบ เพราะมีสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นในระดับสูง
อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนก็คงเข้าใจแล้วว่า SMCI เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากเรื่องของ AI ล้อไปกับพี่ใหญ่อย่าง Nvidia, AMD และ Intel
เพราะไม่ว่าทั้ง 3 บริษัทนั้น จะออกแบบชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่มี SMCI มันก็จะทำงานไม่ได้ หรือทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ซึ่งสาเหตุที่ลูกค้าเลือก SMCI เป็นผู้ประกอบ ก็เป็นเพราะว่า บริษัทวางระบบได้ดี มีประสิทธิภาพ และยังประหยัดไฟมากกว่าปกติ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ทำให้ตลาดคาดหวังในตัว SMCI สูงตามไปด้วย ดูได้จากค่า P/E ที่สูงถึง 79 เท่า
นั่นหมายความว่า นักลงทุนกำลังคาดหวังกับการเติบโตของบริษัทนี้มากทีเดียว
ดังนั้นถ้าวันใดวันหนึ่ง บริษัทผิดพลาด ราคาหุ้นก็มีโอกาสลงแรงได้เช่นกัน
เรื่องนี้ก็น่าคิดว่า
ในระหว่างที่คนกำลังตื่นเต้นไปทำกระแส AI
หลายคนอาจจะโฟกัสแต่ความฉลาดล้ำของปัญญาประดิษฐ์ที่อยู่ข้างหน้า
แต่ในเบื้องหลัง ความฉลาดล้ำที่ได้มา
มันต้องใช้อุปกรณ์ที่มากมาย ที่หลายคนก็อาจนึกไม่ถึงว่าจะได้ประโยชน์ไปด้วย
ไม่ต่างอะไรจากประโยคที่บอกว่า
คนที่รวยจากยุคตื่นทอง ก็คือ คนที่ขายเครื่องมือให้คนขุดทอง..
Tag: SMCI
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.