เจาะเทรนด์โลกการเงิน PayFi มาแน่ พร้อมบทสรุปจากงาน “Street of the Future”

เจาะเทรนด์โลกการเงิน PayFi มาแน่ พร้อมบทสรุปจากงาน “Street of the Future”

Binance TH x ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า ? จากข้อมูลของ Statista พบว่า ในปี 2025 ประเทศไทยมีนักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีถึง 7.84 ล้านคน โดยแบ่งตามช่วงอายุดังนี้
- อายุ 18-24 ปี มากถึง 74.4%
- อายุ 25-34 ปี อยู่ที่ 19.7%
- อายุ 35-55 ปี เพียง 4.52%
ตัวเลขนี้สำคัญอย่างไรกับตลาดไทย ?
ตอกย้ำให้เราเห็นว่า คนรุ่นใหม่ เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีการเงิน และพร้อมเปิดรับ เรียนรู้ และนำไปใช้สร้างประโยชน์ให้กับตนเอง
ที่น่าสนใจคือ เมื่อเร็ว ๆ นี้ BINANCE TH ได้จัดงาน “Street of the Future” ใจกลางสยามสแควร์ ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมตัวของคนรุ่นใหม่
เพื่อช่วยให้สังคมไทยโตเต็มวัย ทันโลกนวัตกรรมทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลได้
ผ่านการเปิดประสบการณ์ สอบถามพูดคุย และแลกเปลี่ยน จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความเข้าใจเชิงลึกถึงศักยภาพของเทคโนโลยี
เพื่อผลักดันประเทศ สู่การเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมั่นคง และยั่งยืน
ในงาน Street of the Future มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปี 2024 ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่ง “ปีทอง” ของนักลงทุนคริปโท ด้วยราคาบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้นถึง 166.7% ในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก
ที่งาน Street of the Future คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ซีอีโอ BINANCE TH by Gulf Binance จำลองบรรยากาศโลกที่รายล้อมไปด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลมาไว้ใจกลางสยามสแควร์
สัญญาณคริปโทปรากฏทั่วโลก ไม่เว้นไทย
ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลายประเทศเริ่มเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น และวันนี้ บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลแรกของโลก ได้ก้าวขึ้นเป็นสินทรัพย์การเงินอันดับ 6 ของโลก
ด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 64.35 ล้านล้านบาท ซึ่งแซงหน้าสกุลเงินสำคัญอย่างปอนด์อังกฤษและฟรังก์สวิส
โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ภายใต้การบริหารของ ดอนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลในหลากหลายมิติ
ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือการพูดถึงศักยภาพของ บิตคอยน์ ในฐานะ ทุนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติ (Reserve Assets) ซึ่งถูกเปรียบเสมือน “ทองคำดิจิทัล”
เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความไม่แน่นอน
นอกจากนี้ รัฐบาลของ ดอนัลด์ ทรัมป์ ยังมุ่งลดข้อจำกัดด้านกฎระเบียบที่เคยเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจคริปโทและบล็อกเชน พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง DeFi (Decentralized Finance)
โดยการเปิดตัว World Liberty Financial (WLF) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi ที่ช่วยทำให้ธุรกรรมทางการเงินสะดวกขึ้น ลดการพึ่งพาตัวกลาง และสร้างโอกาสใหม่ในระบบการเงินดิจิทัล
ในส่วนของ ภาคเอกชน บริษัทบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ BlackRock บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้ก่อตั้ง iShares Bitcoin Trust ETF โดยปัจจุบันถือครองบิตคอยน์มูลค่ากว่า 60,624 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ปรากฏการณ์ใหม่ ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณว่า “คริปโทกำลังมา” แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่ามันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินโลกไปแล้ว
และโอกาสในตลาดการเงินยุคใหม่นี้ยังคงเปิดกว้างสำหรับคนที่พร้อมเรียนรู้และก้าวตามทัน
สำหรับประเทศไทย ตลาดคริปโทก็เติบโตอย่างน่าจับตามอง ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้งานและมูลค่าการซื้อขาย
ลองมาดู ข้อมูลจาก BINANCE TH ที่เปิดตัวมาเพียง 1 ปี ก็พบตัวเลขที่น่าสนใจ
- จำนวนบัญชีผู้ใช้ บนกระดานเทรด เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า
- มูลค่าการซื้อขายในประเทศไทย เติบโตถึง 30 เท่า
การลงทุนในฝั่งนักลงทุนรายย่อยก็มาแรงไม่แพ้กัน หากเป็นไปตามนโยบายภาครัฐที่เริ่มเปรย ๆ มา ไม่ว่าจะเป็น
ภูเก็ต แซนด์บอกซ์ นำร่องใช้บิตคอยน์ชำระเงินและแลกเปลี่ยนได้เหมือนสกุลเงินอื่น ๆ
การเสนอ “Stablecoin” ต่อรัฐบาล เป็นทางเลือกการลงทุนให้บุคคลทั่วไป
ก.ล.ต. เตรียมหารือพิจารณาการมี Baht-backed Stablecoin ใช้ในระบบนิเวศหลักทรัพย์ดิจิทัล
PayFi (Payment Finance) คือหนึ่งในเทรนด์มาแรงของวงการคริปโท
ซึ่งเป็นการผสานระหว่างคริปโทเคอร์เรนซีกับฟินเทค เพื่อสร้างทางเลือกในการชำระเงินที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
นวัตกรรมนี้ช่วยกระตุ้นการรวมกันระหว่างโลกการเงินดิจิทัล และรูปแบบเดิมเร็วยิ่งขึ้น
ผู้ใช้งานสามารถชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซีโดยตรง ผ่านเครือข่ายร้านค้า หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยไม่ต้องแปลงกลับเป็นสกุลเงินทั่วไป
เช่น บาทหรือดอลลาร์ รวมถึงสามารถแปลงสกุลเงินดิจิทัลกลับไปยังสกุลเงินเฟียตได้อย่างรวดเร็ว และค่าธรรมเนียมถูก
ที่น่าสนใจคือ PayFi อาจเกิดขึ้นในไทยเร็วกว่าที่คาด หลังจากกระแสล่าสุดที่ กระทรวงการคลังเริ่มศึกษาการออก Stablecoin ของไทย เพื่อกระตุ้นการใช้งานให้แพร่หลาย
หากแนวคิดนี้พัฒนาไปอย่างเป็นรูปธรรม อาจส่งผลให้ Stablecoin กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยในอนาคต
หลายประเทศ เปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัล..
คุณนิรันดร์ ยังได้ยกตัวอย่างกรณีของ เอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ประกาศให้ บิตคอยน์ เป็นสกุลเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายตั้งแต่ปี 2021
โดยรัฐบาลได้สนับสนุนการใช้บิตคอยน์อย่างจริงจัง เช่น การเปิดตัวกระเป๋าเงินดิจิทัล “Chivo Wallet” และการติดตั้งตู้ ATM บิตคอยน์ทั่วประเทศ
ปัจจุบัน มีบริษัทหลายแห่งที่นำนวัตกรรมนี้มาใช้อย่างจริงจัง เช่น
- Crypto․com Pay ที่ช่วยให้ร้านค้ารับชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซีได้โดยตรง
- Strike ที่ช่วยให้การโอนเงินข้ามประเทศผ่านเครือข่าย Lightning Network ของบิตคอยน์มีความรวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ
แม้ว่าการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ในประเทศไทยจะยังเผชิญกับข้อจำกัดด้านกฎหมายและการกำกับดูแล
แต่การได้เห็นความก้าวหน้าในระดับโลกและการเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดเหล่านี้ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่ ยุคใหม่ของระบบการเงิน
คริปโท จะเป็นมากกว่าเรื่องของนักลงทุน..
สกุลเงินดิจิทัลจะไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่มนักลงทุนอีกต่อไป แต่ยังมีบทบาทสำคัญในหลากหลายกิจกรรม เช่น ระบบเศรษฐกิจในเกมที่ขับเคลื่อนด้วยคริปโท (Crypto-Based In-Game Economies)
ผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมเสมือนจริง สกุลเงินในเกม และบริการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ระบบนิเวศของเกมมีความเป็นอิสระและเปิดกว้างมากขึ้น
แล้วอะไรคือ ปัจจัย ที่ส่งผลให้เหรียญดิจิทัลแพร่หลายในประเทศไทย ?
ความเชื่อใจในระบบและความปลอดภัยเป็น Priority อันดับ 1 ที่ผู้ใช้มองหา สำหรับใช้งานแพลตฟอร์มเพื่อโอนถ่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ ซึ่งจะต้องสามารถปกป้องข้อมูลและทรัพย์สินของพวกเขาได้
ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบยืนยันตัวตน KYC และ Face Verification ช่วยป้องกันการแอบอ้างตัวตน
- การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (2FA) เช่น Google Authenticator หรือ SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงบัญชี
- ระบบป้องกันภัยแบบเรียลไทม์ ที่มีทีมงานรักษาความปลอดภัยตรวจสอบธุรกรรมและพฤติกรรมที่ผิดปกติตลอด 24 ชั่วโมง
- การอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ก็ช่วยสร้างความมั่นใจในผู้ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
การมีทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้งานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ก็ช่วยสร้างความมั่นใจในการเทรดได้มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น การตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้งานแพลตฟอร์ม หรือให้คำแนะนำด้านการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้
อีกประเด็นสำคัญที่ผู้บริหาร BINANCE TH เน้นย้ำตลอดงานคือ “เงินอยู่ในกระเป๋าเรา และมีเพียงเราที่มีสิทธิ์กำหนดการเข้าออกของเงิน”
ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Literacy) เป็นอีกส่วนสำคัญที่ต้องดำเนินควบคู่กันไป
โดย ดร.กร พูนศิริวงศ์ หรือ “คุณโจ้” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ BINANCE TH เป็นหนึ่งในผู้ผลักดัน BINANCE TH Academy เผยแพร่ความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ คณาจารย์ และบุคคลทั่วไป ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
ประเด็นสำคัญคือ หากประเทศไทยต้องการก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลและ DeFi อย่างเต็มตัว เราจำเป็นต้องปรับตัว ดังนี้
1. ความรู้ความเข้าใจ
ต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อวันนี้คนไทยจำนวนไม่น้อยยังมองคริปโทเป็นเพียงเครื่องมือเก็งกำไร
BINANCE TH ตระหนักถึงความสำคัญด้านนี้ มีแผนร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการจัดตั้งคอร์สเรียนสำหรับนักศึกษา เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างลึกซึ้งและเป็นระบบ
นอกจากนี้ ยังพัฒนา BINANCE TH Academy ซึ่งเป็นศูนย์กลางความรู้ที่ครอบคลุมทุกด้านของโลกสินทรัพย์ดิจิทัลและการเทรด
ออกแบบคอร์สเรียนให้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงผู้ที่มีประสบการณ์ เพื่อสร้างพื้นฐานความเข้าใจและส่งเสริมความมั่นใจให้กับนักลงทุน
2. เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร
การจะก้าวเข้ามาแล้วประสบความสำเร็จในโลกของ Web3 และ Blockchain ได้ เราต้องสร้างบุคลากรที่มี 3 ทักษะสำคัญ ดังนี้
- ทักษะการบริหารจัดการเวลา เพราะโลกของ Web3 และ Blockchain เชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะพาร์ตเนอร์ ลูกค้า หรือแม้แต่คู่แข่ง ต่างก็กระจายตัวอยู่ทั่วโลก บุคลากรต้องมีความพร้อมและตื่นตัวตลอด ถึงจะสามารถแข่งขันได้ในตลาดนี้
- ทักษะภาษาอังกฤษ ที่ถึงแม้ปัจจุบันเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยด้านการแปลภาษามากขึ้น แต่การที่เราสามารถเข้าใจข่าวสารต่าง ๆ และสื่อสารได้ด้วยตนเอง ย่อมทำให้เราทำงานและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้เร็วกว่า
- ทักษะความใฝ่รู้ เนื่องจากโลกของ Web3 และ Blockchain มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา และมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นแทบทุกวัน ความใฝ่รู้จะเป็นใบเบิกทางสำคัญ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เปลี่ยนความไม่รู้เป็นรู้ทัน สร้างความเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางโลกของ Web3 และ Blockchain การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็ว และส่งผลกระทบรุนแรง ทั้งในแง่บวกและลบ องค์กรต้องมีบุคลากรที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัวตลอดเวลา เป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดและการเติบโตในระยะยาว
3. การส่งเสริมธุรกิจในเทรนด์อนาคต
เช่น DeFi, NFTs และ dApps จะช่วยให้ธุรกิจในไทยเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดโลก และการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Web3 จะดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก และสร้างนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
รวมถึงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ เช่น อินฟราสตรักเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain
และการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องกฎหมายที่เป็นมิตรต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่กีดกันหรือผูกขาดการแข่งขันและพัฒนา
จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการ
คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ยืนยันว่า
สังคมคริปโท จะไม่สามารถเติบโตได้ หากขาดความเข้าใจและความรู้ที่ถูกต้อง นี่คือเหตุผลที่ BINANCE TH ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่คนไทย เพื่อสร้างความพร้อมสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีหรือสินทรัพย์ดิจิทัลมีทั้ง โอกาส และ ความเสี่ยง
ดังนั้น ความรู้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เข้าใจในสิ่งที่กำลังลงทุน และเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ
BINANCE TH ไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยสูงและปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย ครอบคลุมจำนวนเหรียญดิจิทัลมากที่สุดในตลาดไทยกว่า 350 เหรียญ
แต่ยังเป็น แหล่งเรียนรู้ที่ครบวงจร มีคอมมิวนิตีการเงินหลากหลาย ช่วยให้นักลงทุนไทยทุกคนก้าวเข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ
เพราะอย่าลืมว่า “การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนในความรู้” นั่นเอง…
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาข้อมูลและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
หมายเหตุ: ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีของ Bitcoin ณ วันที่ 22 ม.ค. 2025

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon