ทำไม เงินในวันนี้ มีค่ามากกว่าเงินในอนาคต /โดย ลงทุนแมน
Time Value of Money เป็นแนวคิดที่บอกว่า เงินนั้นมีมูลค่าตามเวลา โดยถ้าให้เงินจำนวนเท่ากัน เงินในวันนี้ จะมีค่ามากกว่า เงินในอนาคต

ความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้คนทั่วโลก เลือกที่จะลงทุนในทรัพย์สินที่สามารถสร้างผลตอบแทน มากกว่าเลือกที่จะเก็บเงินไว้เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้นำไปทำอะไร

แล้วรายละเอียดของแนวคิดนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
เริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ
ถ้าเรามีโอกาสที่จะได้รับเงิน 1,000,000 บาทในวันนี้ กับได้เงินก้อนนี้ในอีก 1 ปีข้างหน้า

เรารับเงินตอนไหน จะได้ประโยชน์กว่ากัน ?
แล้วมันแตกต่างกันอย่างไร ?

ตามสัญชาตญาณแล้ว
คนส่วนใหญ่คงอยากจะได้เงินในตอนนี้มากกว่า เพราะคงไม่มีใครอยากรออะไรนาน ๆ อยู่แล้ว

แล้วสัญชาตญาณของเราถูกต้องแค่ไหน ?

เพื่อตอบคำถามข้อนี้ เรามาดูหลักการของ Time Value of Money กัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ

1. มูลค่าปัจจุบัน (Present Value)
2. มูลค่าในอนาคต (Future Value)
3. อัตราผลตอบแทน (Rate of Return) หรืออัตราคิดลด

ความสัมพันธ์ของทั้ง 3 ส่วนนี้ เป็นพื้นฐานสำคัญในการตัดสินใจลงทุนแทบทุกอย่างบนโลกนี้ ตัวอย่างเช่น

ถ้าเรานำเงินไปฝากประจำที่ธนาคาร 1,000,000 บาท
ในอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี

เราจะได้รับดอกเบี้ย 1,000,000 x 1% เท่ากับ 10,000 บาท

และเมื่อสิ้นสุด 1 ปี เราจะมีเงิน 1,010,000 บาท

ย้อนกลับไปคำถามเดิม
ถ้าให้เราเลือกรับเงิน 1,000,000 บาทในวันนี้ กับได้เงินก้อนนี้ในอีก 1 ปีข้างหน้า
เราควรรับเงินตอนไหน ?

ถ้าเรารับเงินตอนนี้
เราสามารถนำเงิน 1,000,000 บาทไปฝากธนาคาร
และเมื่อสิ้นสุด 1 ปี เราจะมีเงิน 1,010,000 บาท

ถ้าเรารับเงินในอีก 1 ปีข้างหน้า เราจะได้ 1,000,000 บาทเท่าเดิม

ดังนั้น การรับเงินตอนนี้เราจะได้เปรียบอยู่ 10,000 บาท ถ้าเวลาผ่านไป 1 ปี

และนี่แหละคือหัวใจสำคัญของ Time Value of Money ที่บอกว่า เงินจะมีมูลค่าตามเวลา และเงินที่ได้มาก่อนในตอนนี้ สามารถนำไปหาผลตอบแทนที่จะได้มากขึ้นในอนาคต หรือภาษาในทางเศรษฐศาสตร์ เรียกว่า มีค่าเสียโอกาส

ทำให้โดยปกติแล้วเงินในตอนนี้ จะมีค่ามากกว่าเงินในอนาคต นั่นเอง

เรื่องนี้นำไปใช้ประโยชน์ได้หลายเรื่อง เช่น เอาไปใช้ในการคิดย้อนกลับว่า ถ้าอยากทำให้ถึงเป้าหมาย เราต้องทำอย่างไร

ตัวอย่าง เราจะต้องเตรียมเงินในวันนี้เท่าไร สำหรับงานแต่งงานมูลค่า 1,000,000 บาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า

การนำคอนเซปต์มูลค่าเงินตามเวลามาใช้ก็จะทำให้เรารู้ว่า
ถ้าเราวางแผนนำเงินไปลงทุน 5 ปี ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี

เราจะต้องนำเงิน 783,526 บาทไปลงทุน เพื่อให้ได้เงิน 1,000,000 บาท ตามเป้าหมาย (ถ้าผลตอบแทนที่ได้จริง ได้เฉลี่ย 5% ต่อปี
แต่ถ้าได้ผลตอบแทนจริงมากกว่านั้น เงินต้นที่จำเป็นต้องใช้ลงทุน ก็จะน้อยลง ขณะเดียวกัน ถ้าทำผลตอบแทนได้น้อยกว่า 5% ต่อปี ก็ต้องใช้เงินต้นมากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงิน)

ซึ่งนอกจากจะใช้คำนวณเรื่องเป้าหมาย เราก็ยังสามารถนำไปคำนวณผลตอบแทนของการลงทุน ได้ด้วยเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อคอนโดมิเนียมราคา 3,000,000 บาท เมื่อ 5 ปีผ่านไป เราขายคอนโดมิเนียมนั้นในราคา 4,000,000 บาท
แปลว่าอัตราผลตอบแทนของเรา คือ 6% ต่อปี

สรุปแล้วคอนเซปต์ Time Value of Money
จะทำให้เราสามารถเปรียบเทียบมูลค่าเงินในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม

ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือพื้นฐาน ที่เอาไปต่อยอด และช่วยตัดสินใจหลาย ๆ เรื่องในชีวิต ทั้งวางแผนการเงิน จัดพอร์ตการลงทุน การบริหารจัดการธุรกิจ และการชั่งน้ำหนักค่าเสียโอกาส ว่าเราควรนำเงินไปใช้จ่ายหรือลงทุนเกี่ยวกับอะไร ถึงจะได้ประโยชน์มากที่สุด เป็นต้น

และเรื่องนี้ อาจทำให้เรามองเห็นถึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นว่า
“เวลานั้นมีค่าทุกวินาที”

ดังนั้นจงอย่าแปลกใจถ้ามีใครพูดกับคุณว่า เวลาเป็นเงินเป็นทอง
เพราะเขาหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman