ทำไม งบ Apple ดีกว่าคาด แต่หุ้นร่วง 4%

ทำไม งบ Apple ดีกว่าคาด แต่หุ้นร่วง 4%

ทำไม งบ Apple ดีกว่าคาด แต่หุ้นร่วง 4% /โดย ลงทุนแมน
Apple ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ม.ค. - มี.ค. 2025) ซึ่งรายได้และกำไร ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
โดยในไตรมาสล่าสุดนี้ Apple มี
- รายได้ 3,173,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1%
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 47%
- กำไรสุทธิ 824,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8%
- คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 26%
เราลองมาเจาะเป็นรายผลิตภัณฑ์ เรียงตามสัดส่วนรายได้
- iPhone มีรายได้ 1,558,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9%
- Services มีรายได้ 886,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6%
- Mac มีรายได้ 264,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7%
- Wearables, Home and Accessories มีรายได้ 250,300 ล้านบาท ลดลง 4.9%
- iPad มีรายได้ 213,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2%
อย่างไรก็ดี หากจำแนกยอดขายตามภูมิภาค จะพบว่า ยอดขายของ Apple ในจีน ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสนี้ ลดลงกว่า 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ทาง Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้กล่าวว่า บริษัทประสบ "ผลกระทบที่จำกัด" จากภาษีศุลกากรในไตรมาสแรก (ม.ค. - มี.ค. 2025) เนื่องจากบริษัทสามารถปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานได้
อย่างไรก็ตาม Tim Cook ก็ได้แสดงความกังวลถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้า โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
โดย Apple คาดว่า ภาษีศุลกากรจากสงครามการค้า จะทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 30,000 ล้านบาท ในไตรมาสสอง (เม.ย. - มิ.ย. 2025) เลยทีเดียว
นอกจากนี้ Tim Cook ยังกล่าวกับ CNBC ถึงแผนการรับมือสงครามการค้าของ Apple ว่า
Apple ได้เริ่มจัดหา iPhone สำหรับขายในสหรัฐฯ ราวครึ่งหนึ่งจากอินเดีย และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ส่วนใหญ่จากเวียดนาม ซึ่งมีภาษีศุลกากรที่ต่ำกว่าจีน
อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าที่ขายในประเทศอื่น ๆ Apple ยังคงผลิตสินค้าส่วนใหญ่ในจีนเป็นหลัก
สำหรับในไตรมาสหน้า (เม.ย. - มิ.ย. 2025)
Apple คาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทจะเติบโต แบบ Single Digits (เลขหลักเดียว) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะใช้เงินซื้อหุ้นคืนกว่า 3.3 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังมีการอนุมัติการจ่ายเงินปันผล 8.7 บาทต่อหุ้น
สุดท้าย แม้รายได้และกำไรโดยรวมของ Apple ยังคงเติบโตได้ เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
แต่รายได้ในจีน ที่ลดลงต่อเนื่อง และไม่มีท่าทีจะดีขึ้น และรายได้จากธุรกิจ Services ที่โตในอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งต่างถูกจับตามองเป็นพิเศษ ก็ไม่ทำให้นักลงทุนรู้สึกประทับใจ
รวมถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้า จนทำให้ซีอีโออย่าง Tim Cook ถึงกับเอ่ยปากว่า “ยากมาก” ที่จะทำนายเหตุการณ์หลังจากนี้
ทำให้ราคาหุ้น Apple ถูกกดดัน จนปรับตัวลงเกือบ 4% ในช่วงซื้อขายหลังปิดตลาด..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon