
Microsoft หุ้นร่วงเกือบ -4% แม้รายได้และกำไร ดีกว่าคาด เพราะอะไร ?
วันนี้ Microsoft ได้ประกาศงบการเงินไตรมาสล่าสุด (ก.ค. - ก.ย. 2025) ซึ่งรายได้และกำไร ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
- รายได้รวม 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%
- กำไรสุทธิ 0.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%
- อัตรากำไรสุทธิ 36%
- กำไรสุทธิ 0.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%
- อัตรากำไรสุทธิ 36%
โดย Microsoft ได้รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนใน OpenAI คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
และในไตรมาสนี้ Microsoft มีการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในรูปของเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน รวมเป็นเป็นเงิน 3.5 แสนล้านบาท
ขณะที่ Guidance คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสหน้าของ Microsoft คาดว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ราว 2.6 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ถ้ามาเจาะลึก แยกเป็นรายธุรกิจ
- ธุรกิจ Intelligent Cloud
มีรายได้ 1.0 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 28%
มีรายได้ 1.0 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 28%
ธุรกิจนี้ยังคงครองแชมป์การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีตั้งแต่ Azure, SQL Server, Windows Server, Nuance, GitHub และบริการระดับองค์กร
ขณะที่ Azure บริการ Cloud Platform ครบวงจร เติบโตถึง 40% ในไตรมาสนี้ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
- ธุรกิจ Productivity and Business Processes
มีรายได้ 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%
มีรายได้ 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%
ได้แรงหนุนหลักมาจากผลิตภัณฑ์ Microsoft 365 สำหรับ Consumer และผลิตภัณฑ์ Dynamics ที่เติบโตมากถึง 26% และ 18% ตามลำดับ ขณะที่ Linkedin เติบโตอยู่ที่ 10%
- ธุรกิจ More Personal Computing
มีรายได้ 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%
มีรายได้ 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%
โดยมีรายได้จาก Windows เพิ่มขึ้น 6%
รายได้จากการค้นหาและโฆษณาบน Bing เพิ่มขึ้น 16%
รายได้จาก Xbox เพิ่มขึ้น 1%
รายได้จากการค้นหาและโฆษณาบน Bing เพิ่มขึ้น 16%
รายได้จาก Xbox เพิ่มขึ้น 1%
แล้วทำไมนักลงทุน ถึงเทขายหุ้นจนร่วง -3.7% ในช่วงซื้อขายหลังปิดตลาด (After-hours) แม้ผลประกอบการยังเติบโต ?
คำตอบคือ CAPEX หรือรายจ่ายฝ่ายทุนที่สูงกว่าที่เคยประกาศไว้นั่นเอง
Amy Hood ซีเอฟโอของ Microsoft ประกาศว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่ม CAPEX คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.13 ล้านล้านบาท จากเดิมที่ประกาศไว้ 0.97 ล้านล้านบาท
เพื่อเร่งสร้าง Data Center และระบบ AI เพื่อรองรับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Hood ยังกล่าวว่า CAPEX ในปี 2026 นั้น จะเพิ่มในอัตราที่สูงกว่าปี 2025 ด้วย เปลี่ยนจากเดิมที่เคยประกาศว่า CAPEX จะชะลอตัวลง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ เรื่องราวระหว่าง Microsoft และ OpenAI
โดยเมื่อวันก่อน OpenAI ได้ประกาศปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ กลายเป็นองค์กรที่มีโครงสร้างทั้ง OpenAI Foundation ซึ่งไม่แสวงหาผลกำไร และบริษัทลูก ที่เน้นทำกำไร
ซึ่ง Microsoft ถือหุ้นใน OpenAI ในสัดส่วนราว 27% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 4.4 ล้านล้านบาท
และยังมีข้อตกลงใหม่ที่ OpenAI จะซื้อบริการคลาวด์ Azure จาก Microsoft เพิ่มอีก 8.1 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม Microsoft จะต้องสละสิทธิ์ “Right of First Refusal” หรือสิทธิ์ในการให้บริการ Cloud รายแรกกับ OpenAI ไป
ซึ่งนี่จะเป็นการเปิดช่องให้ OpenAI สามารถหันไปจับมือกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ได้
แม้จะมีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งทิศทางการเติบโตที่ดูเหมือนจะยังคงแข็งแกร่ง จากแรงหนุนของยุคแห่ง AI
แต่ด้วยผลจากแผนการใช้เงินลงทุน ที่สูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็ได้กดดันให้ราคาหุ้น Microsoft ร่วงลง