ทำไม การลงทุนดูแล "สุขภาพหัวใจ" ถึงเป็นการลงทุนที่ "คุ้มค่า" ในชีวิต

ทำไม การลงทุนดูแล "สุขภาพหัวใจ" ถึงเป็นการลงทุนที่ "คุ้มค่า" ในชีวิต

โรงพยาบาลพระรามเก้า x ลงทุนแมน
หนึ่งในเป้าหมายในชีวิตของใครหลายคน คือ การมีชีวิตในวัยเกษียณที่มั่นคง
ทำให้คนยุคนี้ หันมาให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน หาวิธีบริหารเงินสดในมือให้สามารถรักษาหรือเพิ่มมูลค่าได้ตามอัตราเงินเฟ้อ ด้วยการเลือกกระจายความเสี่ยงในรูปแบบต่าง ๆ
ทั้งเงินออม, การลงทุนในหุ้น, กองทุน, ทอง หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อหวังสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
แต่สิ่งที่หลายคนอาจหลงลืมไประหว่างทางไปถึงเป้าหมายของการเกษียณอย่างมั่นคง
คือ การมีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุข ต้องมาพร้อมสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
ไม่เช่นนั้น หากเกษียณแบบเจ็บออด ๆ แอด ๆ ชีวิตก็อาจจะไม่มั่นคง
เพราะต้องเสียเงินไปกับการรักษาตัว หรือเลวร้ายที่สุด เมื่อถึงวันที่สำเร็จ แต่ร่างกายกลับไม่พร้อม จะได้ดื่มด่ำกับความสำเร็จนั้น
ดังนั้นนอกจากการลงทุนทางการเงินเพื่อมีชีวิตที่มั่นคง
การลงทุนเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพหัวใจ ซึ่งทำหน้าที่สูบฉีดเลือด เพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แบบนอนสต็อปตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม

ทำไมการดูแลสุขภาพหัวใจถึงสำคัญ ?
แล้วถ้าอยากเริ่มต้นลงทุนดูแลสุขภาพหัวใจต้องทำอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
ขึ้นชื่อว่านักลงทุน ย่อมไม่กล้าลงทุนกับหุ้นที่ไม่เคยศึกษา
เช่นเดียวกับการลงทุนเพื่อสุขภาพ ที่ก่อนจะเริ่มต้นดูแล ก็ต้องเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรค
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก และเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพอันดับต้น ๆ ของไทย
โดยข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อปี 2567 ระบุว่า ในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดกว่า 17.9 ล้านคน
สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทย ที่กรมควบคุมโรค ระบุว่า ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงถึง 75,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 205 คนเลยทีเดียว
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคหัวใจในไทยคือ คนวัยทำงาน ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี
โดยคนเหล่านี้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ตัวเองกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง จึงไม่ได้ใส่ใจ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงคือ มักไม่แสดงอาการล่วงหน้า ทำให้หลายคนชะล่าใจ
เมื่อบวกกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างสุดโต่ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย มีความเครียดสะสม สูบบุหรี่ หรือมีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว
ทำให้คนวัยทำงานที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี เริ่มมีอัตราความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับกลุ่มวัยรุ่น หรือคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน ก็อาจจะเป็นกลุ่มเสี่ยงได้เช่นกัน
เพราะจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทำงานที่ต้องเผชิญกับความกดดันและความเครียดสะสม บวกกับพฤติกรรมการนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มกาแฟ และเครื่องดื่มชูกำลังมากเกินไป การกินอาหารฟาสต์ฟูด หรืออาหารไขมันสูงเป็นประจำ สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า ดื่มแอลกอฮอล์ และขาดการออกกำลังกาย
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงได้เช่นกัน

แล้วเราจะมีวิธีสังเกตเบื้องต้นอย่างไรว่า ตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ?
จริง ๆ แล้วหากพบว่าตัวเองมีอาการใดอาการหนึ่ง ใน 5 ข้อต่อไปนี้ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ หรือมากกว่า 2 ข้อรวมกัน ควรรีบพบแพทย์หัวใจทันที
- แน่นหน้าอก เหมือนถูกกดทับ โดยเฉพาะขณะออกแรงหรือมีความเครียดสูง
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ เช่น เดินขึ้นบันไดแค่ 1-2 ชั้นแล้วต้องหยุดพัก ทั้งที่เคยออกกำลังกายได้ปกติ
- ใจสั่น ใจหวิว หรือหัวใจเต้นเร็ว โดยไม่มีสาเหตุ
- หน้ามืด เวียนหัว หรือล้มหมดสติชั่วขณะ โดยไม่มีเหตุจากความดันต่ำหรือขาดน้ำ
- เจ็บร้าวไปที่แขนซ้าย กราม หรือหลัง เป็นเวลาหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง หนึ่งในอาการคลาสสิกของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเช็กแล้ว จะมีอาการที่เข้าข่ายหรือไม่
การลงทุนดูแลสุขภาพหัวใจตั้งแต่วันนี้ ก็ยังเป็นเรื่องที่สมควร
เพราะแม้ว่าโรคหัวใจจะไม่ใช่โรคที่รักษาไม่ได้ แต่หากละเลยการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จนมาถึงจุดที่ต้องรักษา
หรือปล่อยให้ถึงวันที่ร่างกายส่งสัญญาณ อาจจะสายเกินแก้ แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่น้อย​
ยกตัวอย่าง การขยายเส้นเลือดหัวใจโดยการใส่ขดลวดในไทย ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตั้งแต่ 200,000-400,000 บาทต่อครั้ง*
และหากต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) อาจมีค่ารักษาสูงถึง 500,000 บาท*
ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมค่าห้อง ICU, ค่ายา และค่าเสียโอกาสที่จะต้องหยุดงานเพื่อใช้เวลาในการพักฟื้น

ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในโปรแกรมตรวจสุขภาพหัวใจเชิงลึก ที่เริ่มตั้งแต่หลักพันถึงหมื่นต้น ๆ
แต่กลับสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
จึงถือเป็นการลงทุนเชิงป้องกัน ที่ให้ “ผลตอบแทนชีวิต” ในราคาที่คุ้มค่า
โดยโปรแกรมการดูแลสุขภาพหัวใจ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุยังน้อย จากการตรวจสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดเบื้องต้น แม้ไม่มีอาการ ก็สามารถ “เช็กความเสี่ยง” ล่วงหน้าได้
เพื่อวางแผนป้องกันโรคหัวใจในระยะยาวต่อไป ด้วยการตรวจ EKG เพื่อดูจังหวะการเต้นของหัวใจ ตรวจไขมัน ความดัน และน้ำตาลในเลือด
แต่หากมีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว ควรตรวจแบบละเอียดกับแพทย์เฉพาะทาง
ในกรณีที่พบว่า มีอาการผิดปกติ สามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้คำแนะนำ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วยก่อน
หนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำที่พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์สุขภาพหัวใจให้ทุกคน พร้อมเป็น Advisor ด้านสุขภาพหัวใจคอยให้การดูแล
คือ สถาบันหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลพระรามเก้า ที่พร้อมเดินหน้าลงทุนกับชีวิตได้อย่างมั่นคง ในทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ
ด้วยจุดแข็งของโรงพยาบาล ที่มีความเชี่ยวชาญด้านหัวใจ สามารถให้การดูแลแบบครบวงจร มีแพทย์เฉพาะทางด้านสุขภาพหัวใจครบทุกสาขา ช่วยให้สามารถดูแลปัญหาหัวใจได้อย่างครอบคลุมตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย พร้อมการตรวจเชิงลึกและวิเคราะห์ผลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ อาทิ
- Exercise Stress Test (EST)
การตรวจสมรรถภาพหัวใจ ขณะออกกำลังกาย
- Coronary Artery Calcium Score (CAC)
การตรวจหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ
- CT Coronary Artery Angiogram (CTA Coronary)
การฉีดสีตรวจเส้นเลือดหัวใจโดยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ ถ้าถามว่า แล้วควรลงทุนเพื่อสุขภาพหัวใจตั้งแต่เมื่อไร
สำหรับใครที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ควรเริ่มตรวจ EKG ตั้งแต่อายุ 20 ปี
เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเริ่มประเมินความเสี่ยงอย่างจริงจัง ตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมเข้ารับการตรวจ Coronary Calcium Score, Exercise Stress Testing หรือ Echocardiogram พร้อมพบแพทย์เพื่อติดตามความเสี่ยงเฉพาะบุคคลอย่างต่อเนื่อง (Heart Risk Assessment Program)
มาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า ทำไมการลงทุนเพื่อดูแลสุขภาพหัวใจ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคร้าย สามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ตั้งใจ โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนโตให้กับค่ารักษาแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
แม้ว่าผลตอบแทนจะไม่ได้งอกเงยเป็นเม็ดเงิน แต่เป็นกำไรชีวิตที่ทุกคนตามหา
คือการที่ได้มีอายุยืนยาวขึ้น และเพื่อดื่มด่ำกับความสำเร็จและดอกผลทางการเงินที่วางแผนไว้
เพราะอย่าลืมว่า สุดท้ายแล้วต่อให้การลงทุนไหนจะให้ผลตอบแทนดีอย่างไร
ในวันที่หัวใจหยุดทำงาน พอร์ตการลงทุนไหน ๆ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
เริ่มลงทุนกับสุขภาพหัวใจของคุณได้ตั้งแต่วันนี้ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลหัวใจที่ www.praram9.com หรือโทร. 1270
หมายเหตุ : ค่ารักษาจะแตกต่างตามแผนประกัน, สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และมาตรฐานของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง
Reference :
- ข้อมูลจากโรงพยาบาลพระรามเก้า

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon