
Akon นักร้องฮิปฮอป ที่ทำเงิน 900 ล้าน จากเพลงเสียงรอสาย
Akon นักร้องฮิปฮอป ที่ทำเงิน 900 ล้าน จากเพลงเสียงรอสาย /โดย ลงทุนแมน
ย้อนไปช่วงทศวรรษ 2000 หนึ่งในความแปลกใหม่ที่คนสมัยนั้นตื่นเต้นกันคือ การจ่ายเงิน เพื่อดาวน์โหลดเพลงมาเป็น “เสียงรอสาย” ที่ไม่ใช่แค่เสียง ติ๊ด ติ๊ด อีกต่อไปได้
ย้อนไปช่วงทศวรรษ 2000 หนึ่งในความแปลกใหม่ที่คนสมัยนั้นตื่นเต้นกันคือ การจ่ายเงิน เพื่อดาวน์โหลดเพลงมาเป็น “เสียงรอสาย” ที่ไม่ใช่แค่เสียง ติ๊ด ติ๊ด อีกต่อไปได้
และได้มีศิลปินคนหนึ่งมองเห็นโอกาสนี้ก่อนใคร
โดยตั้งใจแต่งเพลงให้เหมาะกับเสียงรอสายโดยเฉพาะ
โดยตั้งใจแต่งเพลงให้เหมาะกับเสียงรอสายโดยเฉพาะ
เขาคนนั้นคือ นักร้องฮิปฮอปชื่อว่า “Akon”
ซึ่งเป็นศิลปินที่มีเพลงเสียงรอสายฮิตที่สุดในโลก
ที่ถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
ที่ถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
และสร้างรายได้ให้ตัวเขาเกือบ 900 ล้านบาทเลยทีเดียว
เรื่องราวของชายคนนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณ Aliaune Thiam หรือชื่อในวงการเพลงคือ Akon
เกิดเมื่อปี 1973 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐฯ ปัจจุบันมีอายุ 52 ปี
เกิดเมื่อปี 1973 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐฯ ปัจจุบันมีอายุ 52 ปี
การที่คุณพ่อเป็นนักดนตรี และคุณแม่ก็เป็นนักเต้น ทำให้คุณ Akon ซึมซับเกี่ยวกับดนตรีมาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้
แต่ชีวิตวัยรุ่นของเขากลับไม่ได้ราบรื่นนัก โดยต้องไปอาศัยอยู่ที่ประเทศเซเนกัลนานหลายปี ก่อนย้ายกลับมาสหรัฐฯ อีกครั้ง
ซึ่งพอปรับตัวไม่ค่อยได้ เลยหันไปอยู่ในแก๊งลักขโมยรถยนต์ จนถูกจับกุมเข้าคุกรวมเป็นเวลา 3 ปีด้วยกัน
แต่นั่นเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้คุณ Akon เริ่มใช้เวลาแต่งเพลงแนวฮิปฮอป จนกระทั่งหลังพ้นโทษออกมา ก็ตัดสินใจที่จะประกอบอาชีพศิลปินนักร้องให้ได้
ด้วยเสียงร้องแบบแอฟริกาอันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับคุณภาพเพลงที่ดี ทำให้ผลงานของเขาโดดเด่นเข้าตาโปรดิวเซอร์ค่ายเพลงแห่งหนึ่ง
คุณ Akon จึงได้เปิดตัวอัลบั้มแรกชื่อว่า Trouble ในปี 2004 โดยมีเพลงฮิตอย่าง Locked Up และ Lonely ซึ่งทำยอดขายไปได้ 3 ล้านแผ่นทั่วโลก
ต่อมา เขาได้ออกอัลบั้มที่สองชื่อว่า Konvicted ในปี 2006 โดยมีเพลงฮิตอย่าง Smack That และ I Wanna Love You ซึ่งทำยอดขายไปได้กว่า 7.3 ล้านแผ่นทั่วโลก
ถึงจุดนี้นับว่า ชีวิตคุณ Akon ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้น เขาบังเอิญเจอโอกาสธุรกิจที่คนอื่นมองข้าม
เพราะผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เริ่มมีธุรกิจใหม่ โดยให้ผู้ใช้บริการ สามารถซื้อเพลงมาทำเป็นเสียงรอสายได้
พอคุณ Akon ที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ เห็นคนใช้เสียงรอสายเป็นเพลงของศิลปินทั่วไป จึงสอบถามดูว่าซื้อมาด้วยราคาเท่าไร
ปรากฏว่า ผู้บริโภคในยุคนั้น จ่ายเงินดาวน์โหลดต่อเพลงประมาณ 160 บาท เพื่อซื้อเสียงรอสายไม่กี่วินาที ทั้ง ๆ ที่ซิงเกิลเพลงปกติ ความยาวประมาณ 4 นาที ขายในราคาประมาณ 65 บาทเท่านั้น
เขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่า มันจะต้องเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้มหาศาลแน่นอน
ดังนั้นผลงานเพลงฮิตต่าง ๆ จากอัลบั้ม Trouble และ Konvicted เลยถูกแต่งโดยตั้งใจไว้เลยว่า ท่อนฮุกจะต้องจำง่ายและติดหู เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นเสียงรอสาย
ส่งผลให้คุณ Akon ประสบความสำเร็จในตลาดนี้เป็นอย่างมาก จนถูกบันทึกสถิติ Guinness World Records เมื่อปี 2007 ว่าเป็นศิลปินที่มียอดขายเพลงเสียงรอสายสูงสุดในโลกกว่า 11 ล้านดาวน์โหลด
คำถามถัดมาคือ แล้วเขามีส่วนแบ่งเท่าไร จากการขายเสียงรอสาย
โดยปกติ รายได้จากการขายเสียงรอสาย จะต้องแบ่งให้ 3 ฝ่าย ได้แก่
- ศิลปิน
- ค่ายเพลง
- ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
- ศิลปิน
- ค่ายเพลง
- ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
แต่คุณ Akon ได้ลองให้ทนายเช็กรายละเอียดในสัญญากับค่ายเพลง พบว่าไม่มีข้อความระบุเกี่ยวกับเสียงรอสายไว้เลย เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ในขณะนั้น
แม้ต่อมา ค่ายเพลงเห็นเสียงรอสายของคุณ Akon ขายดี เลยมาขอเจรจาแก้ไขสัญญาให้ครอบคลุมช่องทางดิจิทัล แต่เขาก็ปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นคนละธุรกิจกัน
ส่งผลให้คุณ Akon ได้ถือครองลิขสิทธิ์เพลงเสียงรอสาย และแบ่งรายได้กับแค่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
โดยเขาเปิดเผยในภายหลังว่า สามารถทำเงินได้มหาศาลจากธุรกิจเสียงรอสาย
แม้ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข แต่หากลองคำนวณง่าย ๆ ว่า คุณ Akon มีส่วนแบ่งรายได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือราวครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 80 บาทต่อการดาวน์โหลด
เท่ากับว่า เพลงของเขาที่ถูกดาวน์โหลดเป็นเสียงรอสายไป 11 ล้านครั้ง อาจสร้างรายได้จำนวนมากถึง 880 ล้านบาท
แล้วหลังจากนั้น คุณ Akon ทำธุรกิจอะไรอีกบ้าง ?
ในปัจจุบัน คุณ Akon ยังคงสร้างสรรค์ผลงานเพลง และจัดแสดงคอนเสิร์ตอยู่ รวมทั้งก่อตั้งค่ายเพลงของตัวเองด้วย
แต่เขาก็มีแพสชันในการทำธุรกิจที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทวีปแอฟริกา เพราะมองว่าเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตสูง และยังไม่ค่อยมีใครลงทุนมากนัก
โดยตั้งบริษัทร่วมลงทุน เพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะชื่อว่า Akon City ในประเทศเซเนกัล ให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของแอฟริกา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองวากานดา ในภาพยนตร์เรื่อง Black Panther
คาดการณ์ว่าโครงการจะใช้เงินลงทุนมูลค่าไม่ต่ำกว่า 198,000 ล้านบาท และเฟสแรกจะแล้วเสร็จภายในปี 2028
และยังสร้างเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี ชื่อว่า Akoin เพื่อใช้ใน Akon City เป็นทางเลือกให้ชาวแอฟริกาสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นกว่าระบบธนาคารแบบเดิม
รวมถึงก่อตั้งโครงการ Akon Lighting Africa ที่ลงทุนในแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้แก่ประชากร 600 ล้านรายใน 14 ประเทศของทวีปแอฟริกา
ทั้งนี้ทาง Yahoo ได้ประเมินว่าคุณ Akon มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท
ก็น่าจะแปลว่า รายได้จากธุรกิจเสียงรอสายในอดีตนั้น สร้างความมั่งคั่งให้กับคุณ Akon มาก ซึ่งเปิดโอกาสให้เขามีทรัพยากรไปลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ที่สนใจต่อไปได้
บทสรุปจากเรื่องของคุณ Akon สอนให้รู้ว่า
ความสำเร็จอาจไม่ได้มาจากการเดินตามคนอื่น
แต่เกิดจากการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ให้ได้ก่อนใคร
ความสำเร็จอาจไม่ได้มาจากการเดินตามคนอื่น
แต่เกิดจากการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ให้ได้ก่อนใคร
รวมถึงนำความเชี่ยวชาญที่เรามีอยู่แล้ว ไปใช้สอดแทรกในโอกาสนั้น ๆ
เหมือนที่คุณ Akon เก่งเรื่องเพลง แล้วเห็นศักยภาพในเสียงรอสาย
ขณะที่คนอื่นอาจจะโฟกัสกับอัลบั้มและปล่อยให้ค่ายเพลงจัดการทุกอย่าง
ขณะที่คนอื่นอาจจะโฟกัสกับอัลบั้มและปล่อยให้ค่ายเพลงจัดการทุกอย่าง
ซึ่งผลสุดท้าย มันก็ทำให้เขาสร้างฐานะความร่ำรวยขึ้นมาได้ จากการขายเพลงเสียงรอสาย ที่ดังไม่กี่วินาทีเท่านั้น..