กรณีศึกษา หุ้นยั่งยืน หุ้นดี ๆ ที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังต้องการ

กรณีศึกษา หุ้นยั่งยืน หุ้นดี ๆ ที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังต้องการ

20 เม.ย. 2022
กรณีศึกษา หุ้นยั่งยืน หุ้นดี ๆ ที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังต้องการ
ลงทุนแมน x ทรู
อุณหภูมิโลกเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 0.6-0.9 องศาเซลเซียส
โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกคาดว่า หากโลกยังคงร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงปี 2050
หลายเมืองใหญ่อาจเกิดน้ำท่วม ผลผลิตทางการเกษตรหลาย ๆ ประเทศเสียหาย
สัตว์หลายประเภทจะมีการตายมากขึ้น รวมถึงอัตราการเกิดน้อยลงจนเกิดสภาวะขาดแคลนอาหาร
ส่วนข้อมูลธนาคารโลกระบุว่าช่วงปี 2015 ถึง 2018 ประชากรไทยที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวันโดยเพิ่มจาก 4.9 ล้านคนเป็น 6.7 ล้านคน
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ
แต่ถ้ายกตัวอย่างให้ภาพชัดเจนมากขึ้น คงต้องพูดถึงเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วโลก
ที่ส่งผลให้หลายบริษัทล้วนได้รับผลกระทบหนักหน่วงจนต้องล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
เรื่องนี้กำลังบอกว่า หากคนและสิ่งแวดล้อมอยู่ไม่ได้
ธุรกิจบนโลกใบนี้ก็ยากที่จะอยู่รอดบนโลกได้เช่นกัน
เหตุผลนี้เอง ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของโมเดลธุรกิจ “Sustainability” หรือ “ความยั่งยืน”
ที่ในอดีต บริษัททั่วโลกอาจไม่ได้สนใจมากนัก
แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า โมเดลธุรกิจความยั่งยืน เป็นสิ่งที่ทุกบริษัททั่วโลกต้องให้ความสำคัญ
เพราะรู้แล้วว่า “บริษัทไม่สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ ถ้าสุดท้ายแล้ว สิ่งแวดล้อมและสังคมอยู่ไม่ได้”
ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า โมเดลธุรกิจเพื่อความยั่งยืนกำลังทวีความสำคัญและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
เมื่อเริ่มเห็นชัดมากขึ้น ว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้
ไม่เว้นแม้แต่นักลงทุนทั่วโลกจนถึงในบ้านเรา
แล้วทำไมนักลงทุนทั่วโลกต้องกลับมามองหาบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจความยั่งยืน
ลงทุนแมน จะเล่าให้ฟัง
ปฎิเสธไม่ได้ว่าเกือบทุกบริษัทบนโลกใบนี้
กระบวนการทำธุรกิจจะต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตสินค้า หรือจัดจำหน่าย หรือแม้แต่การเปิดแอร์ในที่ทำงาน
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ปริมาณขยะ, มลพิษต่าง ๆ สะสมอยู่บนโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทีนี้หากเจ้าของธุรกิจไม่แก้ปัญหาเหล่านี้ สักวันก็จะมากระทบต่อธุรกิจตัวเองในระยะยาว
โดยจะมาในหลากหลายรูปแบบ เช่น วัตถุดิบในการผลิตน้อยลงจากผลกระทบของสิ่งแวดล้อม
ภาพรวมกำลังซื้อผู้บริโภคถดถอยที่มาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ก็เลยทำให้นักลงทุนต้องคิดใหม่ ไม่ได้มองแค่ผลกำไรและเงินปันผลของบริษัทที่ถือหุ้นอย่างเดียว
แต่เวลานี้กลับมองต่างจากเดิมคือ “กำไรก็ยังต้องทำได้ดี และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและคนบนโลก”
โดยนักลงทุนในกลุ่มหุ้นยั่งยืนจะมีชื่อเรียกว่า “Responsible Investors” หรือ “นักลงทุนที่มีความรับผิดชอบ” กำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่น่าสนใจโมเดลธุรกิจนี้ ไม่ใช่แค่สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดหุ้นอย่างเดียว
แต่ยังส่งผลไปยัง Stakeholders คนอื่น ๆ ครบถ้วน
เช่น จากผลวิจัยพบว่าผู้บริโภคยุคนี้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หากประเภทสินค้าเหมือนกันจะยอมจ่ายแพงกว่า 20% ให้กับ Green Brand
อีกหนึ่งตัวอย่างที่เป็นข้อดีก็คือบริษัทคู่ค้าต่าง ๆ ก็อยากร่วมทำธุรกิจด้วย
โดยเฉพาะการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากมีการเจรจาทางธุรกิจ
บริษัทก็มักจะได้รับข้อเสนอดี ๆ ที่มาช่วยลดต้นทุนในการผลิต
นั้นแปลว่าโมเดลธุรกิจความยั่งยืน สามารถเพิ่มมูลค่าได้ 2 ประการ นั้นคือ
1. ยอดขาย กำไรที่เพิ่มขึ้น
2. ผู้บริโภคและคู่ค้ารู้สึกดีและพร้อมให้การสนับสนุน
ด้วยเหตุผลนี้เอง ก็เลยทำให้ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นหลายบริษัทระดับโลก ต่างออกมาประกาศโมเดลธุรกิจความยั่งยืนในแบบฉบับตัวเอง
ตัวอย่างเช่น L’Oréal กำหนดว่าในปี พ.ศ. 2573 ทุกประเทศที่บริษัทเข้าไปทำธุรกิจ
ต้องเป็นแพ็กเกจจิงรีไซเคิลได้ 100% และส่วนผสมในสูตรสินค้า 95% ต้องเป็นวัตถุดิบชีวภาพ
และยังใช้เงินทุน 5,500 ล้านบาท เพื่อช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก
หรือแม้แต่ BMW ประกาศให้โรงงานผลิตรถใน 15 ประเทศทั่วโลก
เปลี่ยนการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงานมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100%
จนถึง กระบวนการผลิตรถต่าง ๆ ที่จะลดการปล่อย CO2 ในแต่ละปี ให้น้อยลงอย่างมหาศาล
ยังมีอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่มีชื่อเสียงเรื่องโมเดลธุรกิจความยั่งยืนและมีคะแนนรวม DJSI 2021 เป็นอันดับ 1 ของโลก บริษัทที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือ TRUE
ทีนี้หลายคนอาจสงสัยว่า DJSI คือใคร ชื่อเต็ม ๆ คือ Dow Jones Sustainability Indices
เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในปี 2021 มีบริษัททั่วโลกเข้าร่วมกว่า 10,900 บริษัท
DJSI เป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยหลักการประเมินจะเน้นไปที่ ESG หรืออธิบายให้เห็นภาพก็คือใน 10,900 บริษัททั่วโลก
บริษัทไหนให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม, ดูแลสังคม และดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดธรรมาภิบาลได้โดดเด่นมากที่สุด ก็จะได้คะแนนประเมินมากที่สุด
ซึ่งหากเราย้อนดูผลสำรวจของ DJSI ย้อนหลังจะพบว่า TRUE มีคะแนนอันดับหนึ่งในหมวดอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ติดต่อกันมานานถึง 4 ปีเลยทีเดียว
ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น
บอกว่า แม้เราจะมีผลสอบเรื่องความยั่งยืนเป็นอันดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเราได้รู้
ว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจต้องการอะไร ทำให้เรานำกลับไปพัฒนาปรับปรุงธุรกิจอยู่ตลอดเวลา
พอได้ยินแบบนี้แน่นอนว่า สิ่งที่ผู้ถือหุ้น TRUE มั่นใจที่สุดคือ การทำธุรกิจด้วยโมเดลความยั่งยืน จะทำให้ TRUE เป็นบริษัทที่สามารถลดความเสี่ยงในทุกมิติ และมีความมั่นคงระยะยาว
โดย ดร.ธีระพล พูดถึงประเด็นนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
ในอดีต นักลงทุนจะดูข้อมูลแค่รายงานประจำปีของแต่ละบริษัท แต่ยุคนี้ไม่พอ ต้องมีรายงานธุรกิจด้านความยั่งยืน เปรียบเสมือนสมุดพกความดี ที่จะทำให้นักลงทุนรู้ว่าบริษัทนี้มองถึงคนอื่นและสิ่งรอบข้างหรือไม่ พร้อมกับปิดความเสี่ยงธุรกิจตัวเองในอนาคต
ตรงนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญในโมเดลธุรกิจความยั่งยืน คือการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจได้รับประโยชน์สูงสุดที่มาพร้อมกับการเติบโตของบริษัท โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
และหากจะวิเคราะห์ถึงเบื้องหลังความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืนของ TRUE ก็จะพบว่าองค์กรนี้มี ยุทธศาสตร์ “3H’s” คือ HEART, HEALTH, HOME เป็นเข็มทิศนำทางที่ช่วยขับเคลื่อนหลากหลายโครงการจนบรรลุผลได้อย่างโดดเด่นและเป็นรูปธรรม
Heart (ด้านเศรษฐกิจ) – บริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้ 100% มุ่งเน้นพัฒนาผู้นำและทรัพยากรบุคคล รวมถึงร่วมขับเคลื่อนการศึกษา ให้เยาวชนไทยทั่วประเทศมีโอกาสเรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลอย่างทัดเทียมผ่านโครงการทรูปลูกปัญญา และมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี
Health (ด้านสังคม) – สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบโจทย์คนยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์ม TRUE VWORLD ทั้ง VWORK และ VLEARN ที่ให้คนในภาคธุรกิจและภาคการศึกษา ทำงานและเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา
ส่วนในมุมของสุขภาพ ก็จะมีแอปพลิเคชัน “หมอดี” (MorDee) ให้คนไทยหาหมอออนไลน์โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล และอีกหนึ่งตัวอย่างที่ต้องพูดถึง คือการสร้างสรรค์แอปพลิเคชันเพื่อเด็กออทิสติก รวมถึงสนับสนุนสร้างงานและรายได้ ให้คนกลุ่มนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Home (ด้านสิ่งแวดล้อม) – ติดตั้งพลังงานสะอาดอย่างเช่น โซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณและชุมสาย 3,481 แห่ง ณ สิ้นปี 2021 โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 12,570 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และยังเดินหน้าขยายการติดตั้งอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าได้ 11,900 MWh ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 5,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
และวิธีคิดแบบนี้เอง
ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือยาว ก็สามารถลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้ครบทุกมิติ
#TrueTogether #TrueDJSI
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.