
กรณีศึกษา “เพลิน เพลิน คอนโด” คอนโดฯ คุณภาพ เน้น Sold Out ในไม่กี่เดือน
เพลิน เพลิน คอนโด x ลงทุนแมน
“ประสบการณ์ในวงการอสังหาฯ หลายสิบปี ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อที่ทำธุรกิจรับเหมา อำนาจต่อรองเราน้อยมาก พอขยับมาทำอะพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่า การคืนทุนก็นานมาก การหมุน Cash Flow ไม่ง่ายเลย”
เลยถึงจุดเปลี่ยนธุรกิจที่ต้องกลับมาตั้งหลักกันใหม่ด้วย 2 เงื่อนไข
1. ต้องใช้ความเชี่ยวชาญหลายสิบปีของตนเองคือ การก่อสร้าง
2. ต้องอยู่ในปัจจัย 4
1. ต้องใช้ความเชี่ยวชาญหลายสิบปีของตนเองคือ การก่อสร้าง
2. ต้องอยู่ในปัจจัย 4
คำตอบเลยมาลงที่ “การทำคอนโดฯ ขาย” ที่ตั้งต้นจาก “กลัวขายไม่ได้” เลยต้องทำทุกอย่าง ต้องคิดทุกมุมของคนที่จะมาซื้อจริง ๆ”
รู้หรือไม่ว่า จากจุดเริ่มต้นของ “เพลิน เพลิน คอนโด” ครั้งนั้นเมื่อ 10 ปีก่อน มาจนถึงวันนี้ที่เกือบทุกโครงการที่เปิด ขายหมดทั้งตึกได้ในเฉลี่ย 3-4 เดือน แม้ในช่วงที่ภาพใหญ่ตลาดคอนโดฯ ไม่ได้ร้อนแรงเหมือนยุคก่อน
คุณนาถวนิต รวมทรัพย์ และคุณอธิภัทร รวมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิถีไทย เรียลเอสเตท จำกัด จะเป็นผู้ให้คำตอบจากประสบการณ์จริงในครั้งนี้ว่า.. อะไรอยู่เบื้องหลังการเป็นคอนโดฯ คุณภาพที่ Sold Out ได้เร็วในไม่กี่เดือนของ “เพลิน เพลิน คอนโด” ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
ย้อนกลับไปวันแรกของจุดเปลี่ยนธุรกิจ หลังจากประชุมกับทีมงาน ก็พบว่าหนึ่งปัญหาของลูกน้องที่ยังไม่มีบ้านของตนเอง เนื่องด้วยทำเลและราคาที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
จึงกลับมาคำนวณดูว่า ถ้าราคานี้คนกลุ่มนี้จะซื้อได้ไหม หรือถ้าทำเลอยู่ตรงนี้ด้วยราคาเท่านี้จะซื้อไหม แล้วค่อยคิดย้อนกลับมาในมุมของผู้พัฒนาอสังหาฯ ถึงต้นทุนว่าเป็นไปได้ไหม
โชคดีที่พื้นฐานเดิมของครอบครัวทำธุรกิจรับเหมาอยู่ก่อนแล้ว โอกาสจากช่องว่างที่มีความต้องการของผู้คนจริง ๆ ในครั้งนั้น จึงเริ่มต้นขึ้น
“เพลิน เพลิน คอนโด” กลายเป็นชื่อแบรนด์ของเรานับจากวันนั้น เพราะเราอยากให้ลูกบ้านอยู่อาศัยได้ยาว ๆ แบบเพลิน ๆ ไปกับแบรนด์เราได้

โดยโครงการแรกเกิดขึ้นในซอยติวานนท์-ปากเกร็ด โซนศรีสมาน เป็นคอนโดฯ 60 ห้อง จากการสังเกตเห็นว่าซอยนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 10 แห่ง จึงเชื่อว่าต้องมี Real Demand อยู่อย่างแน่นอน
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ เพราะสามารถปิดการขายได้ตั้งแต่ 4 เดือนแรก
ซึ่งนอกจากการเลือก Location ที่มี Real Demand แล้ว ที่น่าสนใจคือ ตัวราคาขายเฉลี่ย 30,000 บาทต่อตารางเมตร เทียบเท่ากับการจ้างผู้รับเหมาเองเลย ในขณะที่คอนโดฯ ในตลาดเวลานั้น เฉลี่ยขายกัน 60,000 บาทต่อตารางเมตร
พูดง่าย ๆ คือ การซื้อเพลิน เพลิน คอนโด เสมือนกับการซื้อคอนโดฯ ตรงจากผู้รับเหมาคุณภาพ นั่นเอง
ทีนี้เมื่อได้ Playbook ในการปั้นธุรกิจ “เพลิน เพลิน คอนโด” จากการเลือก Location ที่มี Real Demand ในระดับราคาที่เข้าถึงได้แล้ว จึงเริ่มพัฒนาไปในหลากหลายทำเล ทั้งในจังหวัดนนทบุรีและปทุมธานี
ซึ่งในหลายทำเลที่เป็นซอยย่อย ๆ เช่น เวิร์คพอยท์, ฟิวเจอร์รังสิต ก็มีหลายครั้งเลยทีเดียวที่ “เพลิน เพลิน คอนโด” เข้าไปเป็นผู้บุกเบิกพัฒนาคอนโดฯ แล้วประสบความสำเร็จ จนมีแบรนด์ชั้นนำตามเข้ามาด้วยเหมือนกัน
จากปีแรกที่พัฒนาคอนโดฯ 1 อาคาร ปีต่อมาเริ่มขยายเพิ่มเป็น 2 อาคาร มาจนถึงล่าสุดในปี 2568 เพลิน เพลิน คอนโด ได้ถูกพัฒนามารวมทั้งหมดกว่า 40 อาคาร ไปเรียบร้อยแล้ว
ทีนี้ลองมาวิเคราะห์ “ด้านคุณภาพ” ของเพลิน เพลิน คอนโด กันบ้าง..
หัวใจหลักคือ “คิดละเอียดแล้ว ต้องทำละเอียดด้วย”
ถ้าใครรู้จักเพลิน เพลิน คอนโด จะสังเกตเห็นว่า ขนาดห้องจะเริ่มต้นที่ 32 ตารางเมตร และต่อให้อนาคตจะเติบโตไปเพียงใด ก็ยังคงขนาดห้องกว้าง เพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดีเหมือนเดิม

เพราะขนาด 32 ตารางเมตรถูกคำนวณมาจากการใช้ชีวิตในคอนโดฯ ที่อยู่แล้วสบายจริง สามารถวางฟูกที่นอนขนาด 6 ฟุตได้สบาย หรือห้องน้ำขนาดไม่น้อยกว่า 3-4 ตารางเมตร จะได้ไม่แคบเกินไป รวมทั้งแปลนห้องแบบหน้ากว้าง เพื่อใช้สอยได้จริง และไม่เสียพื้นที่ไปโดยเปล่าประโยชน์
ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าแปลนห้องจะออกแบบมาดีอย่างไร แต่ก็จะไม่ Copy-Paste ทุกโครงการให้เหมือนกันหมด

เพราะเมื่อลงโครงการจริง ๆ ก็ยังต้องวิเคราะห์รายละเอียดทั้งหมดด้วย
อย่างการวาง Layout ตั้งแต่ซื้อแปลงที่ดิน เช่น ถ้าดูแล้วมีห้องหันไปทิศตะวันตกเยอะ จะซื้อที่ดินมาขึ้นโครงการไหม หรือถ้าไม่สามารถมีที่จอดรถเกิน 50% ของห้องพักได้ ก็จะปฏิเสธการซื้อที่ดินไปเลย
กระทั่งแปลงที่ดินที่ซื้อมาแล้ว แม้ว่า 90% ของรูปแบบห้องจะเป็นแปลนมาตรฐาน แต่อีก 10% จะปรับไปตามหน้างานจริง เช่น ขยายหน้าต่างใหญ่ขึ้นเพื่อให้แสงเข้ามากขึ้น, ทางเดินห้องครัวเพิ่มขึ้น 10 เซนติเมตร เพื่อให้ดูกว้างขึ้น เป็นต้น
เหตุผลที่ต้องลงรายละเอียดเช่นนั้น เพราะทุกวันนี้ยังรู้สึกสนุกกับการสร้างผลงาน เรายังตั้งใจคิดตั้งใจทำกับในงานอยู่ตลอด
เพราะมองว่า “สินค้าควรขายด้วยตัวมันเอง”
เพราะมองว่า “สินค้าควรขายด้วยตัวมันเอง”
มากไปกว่านั้น เรื่องของส่วนกลาง และนิติบุคคล ก็สำคัญไม่แพ้กัน..
ส่วนกลางของที่นี่ ต้องมีที่จอดรถเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด ซึ่งขั้นต่ำตามกฎหมายกำหนดไว้เพียงกว่า 30% เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ก็ยอมตัดทอนเรื่องฟิตเนส, สระว่ายน้ำ ฯลฯ เพราะมองว่าถ้าลูกบ้านไม่ได้ใช้งานเป็นหลัก ส่วนกลางเหล่านี้จะกลายเป็นส่วนเกินมากกว่า
ที่สำคัญ เราจะเก็บ 1 ห้องในทุกโครงการ เพื่อเข้าร่วมประชุมประจำปีในฐานะลูกบ้านด้วย ถือเป็นการเช็กอัปหลังการขายไปพร้อม ๆ กับติดตามความเป็นอยู่ของลูกบ้านไปในเวลาเดียวกัน
ถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าเบื้องหลังที่ทำให้ “เพลิน เพลิน คอนโด” เป็นคอนโดฯ คุณภาพ เน้น Sold Out เร็วในไม่กี่เดือน ก็เพราะความละเอียดที่เกิดขึ้นในทุกกระบวนการกว่าจะเป็นคอนโดฯ หนึ่งโครงการ
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ การตอบโจทย์ Real Demand ที่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างเพลิน ๆ ในทำเลที่เดินทางสะดวก ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ และเต็มไปด้วยคุณภาพ
จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าสัดส่วนเฉลี่ยลูกบ้านกว่า 80% เป็นกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริง ส่วนอีก 20% จะเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อมาปล่อยเช่าสร้างรายได้จากค่าเช่าเฉลี่ย 6,000-8,000 บาทต่อเดือน ซึ่งในส่วนนี้ยังมีฐานลูกค้าประจำที่ติดตามโครงการของเราในการลงทุนเพื่อปล่อยเช่า อีกด้วย
แล้วถ้าถามว่า “เพลิน เพลิน คอนโด” วางแผนอนาคตไว้อย่างไร..
ด้วยฐานลูกค้าเดิมจำนวนไม่น้อยที่อยากซื้อบ้านในแบรนด์ของเรา มีความมั่นใจในแบรนด์เรา ในปี 2025 นี้ จึงพัฒนาโครงการทาวน์โฮมแห่งแรกในย่านพระราม 7-บางกรวย ซึ่งปิดการขายไปเรียบร้อยแล้ว
สะท้อนชัดเจนเลยว่าด้วยโมเดลธุรกิจนี้ คุณภาพโครงการที่มาพร้อมระดับราคาที่เข้าถึงได้ ถ้าลงใน Product ไหน ก็มีโอกาสไปต่อได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากซื้อบ้าน แต่เราเชื่อว่า ถ้าเป็นโครงการที่มีคุณภาพในระดับราคาที่เข้าถึงได้
“เงินล้าน” ของหนึ่งคน นั่นคือ “ชีวิต” ของหนึ่งคน
หน้าที่ของเราคือ การทำงานเอางาน แล้วที่เหลือมันจะตามมาเอง ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กที่สุดไปจนถึงใหญ่ที่สุด ต้องตอบให้ได้ว่า สิ่งที่ควรจะเป็นของงานนี้คืออะไร
เพราะเมื่อทุกอย่างบรรจบกัน สิ่งที่ตามมาคือ ความสำเร็จ เหมือนอย่างที่ “เพลิน เพลิน คอนโด” เป็นคอนโดฯ คุณภาพ ที่เน้น Sold Out ได้เร็ว นั่นเอง..
Reference
- บทสัมภาษณ์ตรง “เพลิน เพลิน คอนโด” โดยลงทุนแมน
- บทสัมภาษณ์ตรง “เพลิน เพลิน คอนโด” โดยลงทุนแมน