Eastroc เครื่องดื่มชูกำลัง 3 แสนล้าน ที่กำลังไล่บี้ Red Bull ในจีน

Eastroc เครื่องดื่มชูกำลัง 3 แสนล้าน ที่กำลังไล่บี้ Red Bull ในจีน

27 ม.ค. 2024
Eastroc เครื่องดื่มชูกำลัง 3 แสนล้าน ที่กำลังไล่บี้ Red Bull ในจีน /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มชูกำลังเบอร์ 1 ของหลายประเทศ แน่นอนว่า หลายคนต้องนึกถึง Red Bull
ซึ่งจีน ก็เช่นเดียวกัน ที่มี Red Bull เป็นเครื่องดื่มชูกำลังเบอร์ 1 แต่ตอนนี้ส่วนแบ่งตลาด Red Bull ในจีนกำลังลดลงเรื่อย ๆ
ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังเบอร์ 2 ที่ชื่อว่า Eastroc กลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ที่น่าสนใจก็คือ Eastroc เคยเป็นบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังที่เกือบล้มละลาย แต่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ จนวันนี้มีมูลค่าบริษัทถึง 350,000 ล้านบาท
Eastroc ทำได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
เล่าก่อนว่า Eastroc Beverage คือบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังของรัฐบาลจีน ที่ก่อตั้งในปี 1994 หรือประมาณ 30 ปีที่แล้ว ในเมืองเซินเจิ้น
ช่วงเดียวกับที่ Red Bull เข้ามาทำตลาดในจีน จนได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1
ส่วน Eastroc หรือที่คนจีนรู้จักกันในชื่อ “ตงเผิง” มีหน้าตาเหมือนกับ Red Bull แทบทุกอย่าง ต่างกันแค่อย่างเดียวคือ โลโกรูปนก ที่มาจากคำว่า เผิง ซึ่งหมายถึง พญานก
ด้วยความที่ Eastroc ไม่มีจุดเด่นอะไร เลยขายได้ไม่ดีนัก จนบริษัทเกือบล้มละลาย
แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2003 เมื่อคุณ Lin Muqin อดีตผู้จัดการโรงงานผลิต Red Bull ในเมืองเซินเจิ้น เห็นโอกาสในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของจีน ว่ายังไม่มีราคาที่เจาะกลุ่มคนรายได้น้อย
คุณ Lin เลยตัดสินใจใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดที่ตัวเองมี ซื้อ Eastroc ที่กำลังจะล้มละลาย และกลายเป็นเจ้าของบริษัท
ภายใต้การดูแลของคุณ Lin เขาได้ปรับแพ็กเกจจิงของ Eastroc ให้ดูแตกต่างจาก Red Bull และขายในราคาถูกกว่าเท่าตัว
- Red Bull กระป๋องขนาด 250 มล. ขายราคา 30 บาท
- Eastroc กระป๋องขนาด 250 มล. ขายราคา 15 บาท
ด้วยราคาที่ถูกมาก กับชื่อแบรนด์ที่พอคุ้นหูชาวจีนอยู่บ้าง ทำให้ยอดขายของ Eastroc โตขึ้นเรื่อย ๆ
ต่อมาในปี 2009 คุณ Lin ตัดสินใจทำแพ็กเกจจิงใหม่ออกมา เป็นเครื่องดื่มชูกำลังขวดพลาสติกที่มีฝาครอบอีกชั้น มีหลายขนาด และขายถูกเหมือนเดิม
- ขนาด 250 มล. ขายราคา 15 บาท
- ขนาด 500 มล. ขายราคา 25 บาท
ซึ่งขวดขนาด 500 มล. กลายมาเป็นซิกเนเชอร์ของ Eastroc ไปเลย เพราะทั้งปริมาณเยอะและราคาถูก เลยถูกใจกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนใช้แรงงาน โดยเฉพาะคนขับรถบรรทุก และคนขับรถแท็กซี่
นอกจากขวดพลาสติกจะมีข้อดีกับบริษัท เพราะต้นทุนแพ็กเกจจิงถูกลงแล้ว ฝั่งลูกค้าก็ชอบเหมือนกัน เพราะไม่ต้องดื่มให้หมดในคราวเดียวเหมือนแบบกระป๋อง
อีกอย่างที่ลูกค้าชอบมากคือ ฝาครอบอีกชั้น ที่สารพัดประโยชน์ เป็นได้ทั้งแก้ว ที่เขี่ยบุหรี่ และคนขับรถบรรทุกบางคนบอกว่า เขาเคยใช้ในกรณีฉุกเฉินที่หาห้องน้ำไม่ได้ด้วย
โดย Eastroc แพ็กเกจจิงใหม่นี้ ได้รับความนิยมอย่างมาก และขายดีขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากเมืองเซินเจิ้น ขยายไปทั่วมณฑลกวางตุ้ง จนไปทั่วประเทศจีน
จนกระทั่งในปี 2021 Eastroc ก็ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้

แถมในแง่ส่วนแบ่งการตลาด เมื่อวัดจากยอดขาย Eastroc ก็กินส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังอันดับ 2 ในจีน
ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งตลาดของ Red Bull กลับลดลงเรื่อย ๆ
ปี 2016 : Red Bull 73% Eastroc 10%
ปี 2018 : Red Bull 64% Eastroc 15%
ปี 2020 : Red Bull 41% Eastroc 17%
ปี 2022 : Red Bull 33% Eastroc 20%
แต่ถ้าเรามาดูส่วนแบ่งตลาด ในแง่ปริมาณชิ้นที่ขายนั้น Eastroc แซง Red Bull มาเป็นอันดับ 1 แล้ว โดยล่าสุดครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 40%
ทีนี้เรามาดูผลประกอบการของ Eastroc Beverage กัน
ปี 2020
รายได้ 25,000 ล้านบาท
กำไร 4,100 ล้านบาท
ปี 2021
รายได้ 35,200 ล้านบาท
กำไร 6,000 ล้านบาท
ปี 2022
รายได้ 42,900 ล้านบาท
กำไร 7,300 ล้านบาท
รายได้เติบโตเฉลี่ย 31% ต่อปี
กำไรเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี
สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2023
บริษัทมีรายได้ 43,600 ล้านบาท
มีกำไร 8,300 ล้านบาท
จะเห็นว่ารายได้และกำไรของ Eastroc ยังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 19%
แม้ผลประกอบการของ Eastroc จะเติบโตดี และแย่งส่วนแบ่งตลาดมาได้เรื่อย ๆ แต่ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทก็มีความเสี่ยงที่น่ากังวลเช่นกัน
- ยอดขายของ Eastroc เกือบทั้งหมด ต้องพึ่งพาเครื่องดื่มชูกำลังเป็นหลัก ส่วนสินค้าตัวใหม่ที่ออกมา เช่น กาแฟ หรือชามะนาว ไม่ติดตลาด
- จำนวนคนขับรถบรรทุกในจีน ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ Eastroc ลดลงอย่างมาก จาก 30 ล้านคนในปี 2016 เหลือแค่ 17 ล้านคนในปี 2020
- แบรนด์ต้องใช้งบการตลาดเยอะ ในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งคือกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น เช่น การโฆษณาในซีรีส์วัยรุ่น
- คู่แข่งของ Eastroc ไม่ใช่แค่ Red Bull แต่รวมถึงบริษัทเครื่องดื่มเจ้าใหญ่ ๆ ในจีน ที่ลงมาเล่นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังราคาถูกเช่นกัน
ถึงจะกำลังเผชิญปัญหาอยู่หลายด้าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธุรกิจของ Eastroc ประสบความสำเร็จอย่างมาก
และการตัดสินใจซื้อบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย ด้วยเงินเก็บเกือบทั้งหมดของคุณ Lin เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เพราะในวันนี้ Eastroc คือบริษัทที่มีมูลค่าสูงถึง 350,000 ล้านบาท ซึ่งพอ ๆ กับอาณาจักร ThaiBev ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี
และทำให้คุณ Lin กลายมาเป็นมหาเศรษฐีเครื่องดื่มชูกำลังชาวจีน ที่มีความมั่งคั่งถึง 230,000 ล้านบาทเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://finance.yahoo.com/quote/605499.SS?p=605499.SS
-https://www.forbes.com/profile/lin-muqin/?sh=2b09729e324e
-https://36kr.com/p/2387705846429959
-https://wap.stockstar.com/detail/SS2023060200010474
-https://m.mp.oeeee.com/a/BAAFRD000020230608806787.html
-http://en-test.szeastroc.com/frontend/about
-https://www.ifnews.com/news.html?aid=547427&cid=49
-https://www.wsj.com/market-data/quotes/CN/XSHG/605499/financials/quarter/income-statement
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.