PwC x ลงทุนแมน

ในอดีต การหาข้อมูลสักเรื่องไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งต้องเปิดหนังสือหลายเล่ม เสิร์ชข้อมูลจากหลายเว็บไซต์ หรือสอบถามผู้รู้หลายคน

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน
แค่พิมพ์คำถามไม่กี่คำ เราก็ได้คำตอบในไม่กี่วินาที

AI ไม่ได้อยู่แค่ในแวดวงเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่มันได้แทรกซึมเข้าสู่แทบทุกมิติของชีวิต
ทั้งธุรกิจการแพทย์ การศึกษา ไปจนถึงบริการสาธารณะ ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างรวดเร็ว และเรียนรู้จากพฤติกรรมของมนุษย์

AI จึงไม่ได้แค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเข้ามาเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ “ตัดสินใจ” ในโลกยุคดิจิทัลอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า AI จะเปิดทางให้ชีวิต และธุรกิจง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่เบื้องหลังความสะดวกสบายนี้ยังมีความรับผิดชอบที่องค์กร และผู้ใช้ต้องตระหนัก และใส่ใจอย่างจริงจัง เพื่อให้การใช้งาน AI เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

วันนี้มาลองฟังมุมมองจาก PwC กันดูบ้าง
บริษัทที่เชื่อว่า การใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจ และสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นทั้งในระดับองค์กร และสังคม

ความน่าสนใจของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

แนวโน้มของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (Generative AI) กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และในปี 2568 นี้ ภาคธุรกิจทั่วโลกยังคงจับตามองอย่างใกล้ชิด

เพราะ AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ” เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการ “ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ” ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม โอกาสนี้จะเกิดขึ้นจริงได้ ก็ต่อเมื่อธุรกิจสามารถบูรณาการ AI เข้ากับระบบเศรษฐกิจได้อย่าง “รับผิดชอบ” และ “น่าเชื่อถือ” ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตและรูปแบบการทำงานในยุคใหม่

ดังนั้น การนำ AI มาใช้จึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งด้านจริยธรรม ความโปร่งใส และความไว้วางใจ เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

โดยรายงาน Value in Motion ล่าสุดของ PwC ชี้ว่า หาก AI ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจช่วยเพิ่ม GDP โลกได้ถึง 15% ภายในปี 2578 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยราว 1% ต่อปี

แต่การเติบโตในระดับนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับ “ความน่าเชื่อถือ” ของเทคโนโลยี ตั้งแต่การออกแบบระบบไปจนถึงการนำไปใช้งานจริง

กล่าวคือ AI จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ ก็ต่อเมื่อผู้นำ พนักงาน และผู้บริโภคมี “ความมั่นใจ” ว่า AI ถูกใช้ด้วยเจตนาและหลักการที่ถูกต้อง

เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว PwC ได้พัฒนา “Responsible AI Toolkit”
ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและใช้ AI ได้อย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะในขั้นตอนการวางกลยุทธ์ การออกแบบระบบ ไปจนถึงการใช้งานจริงในระดับปฏิบัติการ

AI ไม่ได้เปลี่ยนแค่ “วิธีทำงาน” แต่ยังเปลี่ยน “วิธีสร้างคุณค่า” ให้ลูกค้า ซึ่งส่งผลให้กฎเกณฑ์ดั้งเดิมหลายอย่างไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

ผู้บริหารจึงต้องเผชิญกับแรงกดดันใหม่ในการคิดใหม่ ทำใหม่ (Reinvent) เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน

นอกจากนี้ การวิเคราะห์ของ PwC ยังคาดการณ์ว่า เพียงปีนี้ปีเดียว มูลค่าของรายได้ที่กำลังเปลี่ยนมือข้ามอุตสาหกรรมมีมากถึง 7.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สะท้อนว่า ธุรกิจที่สามารถใช้ AI เพื่อ “พลิกโฉม” องค์กรได้ก่อน ย่อมมีโอกาสยึดครองส่วนแบ่งตลาดมหาศาล

ขณะเดียวกัน รายงาน AI Jobs Barometer ประจำปี 2567 ของ PwC ยังระบุว่า ธุรกิจที่ใช้ AI มีอัตราการเติบโตของผลผลิตแรงงานมากกว่าธุรกิจทั่วไปถึง 4.8 เท่า

ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจในประเทศไทย ที่กว่า 60% ของ CEO เชื่อว่า AI ช่วยยกระดับประสิทธิภาพทั้งของพนักงานและผู้บริหารอย่างชัดเจน

แม้ AI จะเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะความเสี่ยงจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เพราะหากไม่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกหดตัวลงเกือบ 7% ภายในปี 2578

ในขณะเดียวกัน การใช้ AI ที่เพิ่มขึ้นก็นำมาซึ่ง การใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล ที่สูงขึ้น

แต่ในอีกมุมหนึ่ง เทคโนโลยี AI เองก็สามารถช่วย “เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน” และ “ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” ได้อย่างมีนัยสำคัญ

กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับบทบาทในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมที่ใส่ใจโลก

อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า การพัฒนาและใช้งาน AI อย่างมี “ความรับผิดชอบ” และ “ความน่าเชื่อถือ” ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น หัวใจสำคัญ ของความสำเร็จทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ธุรกิจจำเป็นต้องปรับโมเดลการดำเนินงานให้สอดรับกับทิศทางของเทคโนโลยี เพื่อสร้าง “ความไว้วางใจ” ทั้งในระดับองค์กรและสังคม

เพราะในท้ายที่สุด AI ที่ได้รับความเชื่อมั่น ไม่เพียงจะผลักดันธุรกิจให้เติบโตในโลกดิจิทัล
แต่ยังสามารถ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ได้อย่างยั่งยืนและครอบคลุมมากขึ้นอีกด้วย

สุดท้าย.. ในยุคนี้ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยงาน แต่กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ และเศรษฐกิจทั่วโลก
ธุรกิจต่าง ๆ จึงเริ่มใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

แต่ AI จะช่วยได้จริง ๆ ก็ต่อเมื่อเราใช้มันอย่างรับผิดชอบ ต้องมีจริยธรรม โปร่งใส และสร้างความไว้วางใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าใช้ AI แบบไม่ระวัง อาจสร้างปัญหา และเสียความเชื่อมั่นในระยะยาว

ในมุมมองของ PwC เชื่อว่า AI สามารถเพิ่มเศรษฐกิจโลกได้มากถึง 15% ใน 50 ปีข้างหน้า แต่สิ่งสำคัญคือความเชื่อใจจากผู้นำองค์กร พนักงาน และลูกค้า

เมื่อทุกคนมั่นใจใน AI ธุรกิจก็เติบโต และสร้างนวัตกรรมได้จริง ธุรกิจที่ใช้ AI อย่างเป็นกลยุทธ์ จะเติบโตเร็วและได้ส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น ทั้งพนักงาน และผู้บริหารก็ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

แม้ AI จะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถ้าไม่จัดการดี ๆ อาจส่งผลเสียในอนาคต
แต่ AI เองก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดผลกระทบต่อโลกได้เช่นกัน ถ้าเราใช้มันอย่างระมัดระวัง และรับผิดชอบ นั่นเอง…

Reference
- ข่าวประชาสัมพันธ์จาก PwC