SET x ลงทุนแมน

1 ปีที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นเวียดนาม VN 30 +9.98%
ตลาดหุ้นจีน Shanghai +8.5%
ตลาดหุ้นอินเดีย Nifty 50 +8.26%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones +6.48%
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 -3.27%
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ KOSPI -2.65%
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย IDX Composite -0.11%
ตลาดหุ้นไทย SET -13.79%

ถ้านับจากวันนี้ย้อนกลับไป 1 ปี ตลาดหุ้นหลายแห่งในโลกกำลังฟื้นตัวกลับมาได้
แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยกลับยัง “นิ่ง” และ “ทรุด” ที่ดูเหมือนจะ Laggard จากเพื่อนไปไกล

เกิดอะไรขึ้นในตลาดหุ้นไทย ?
แล้วตลาดหุ้นไทย ยังมีความหวังอยู่หรือไม่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

GDP ประเทศไทยในไตรมาสที่ 1/2568 ขยายตัว +3.1%
แม้จะสูงกว่าที่คาด แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่มาจากการลงทุนภาครัฐ และภาคการส่งออก ก่อนมาตรการภาษีสหรัฐฯ จะเริ่มบังคับใช้

แต่ในอีกหลายปัจจัยของไทย ทั้งการบริโภคภาคเอกชน, การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง

ส่วนปัจจัยด้านอัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ แม้จะอยู่ในระดับต่ำ
แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ก็ยังถูกจำกัดด้วยภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันยังต้องประคองตัวให้อยู่รอดภายใต้ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก

ความกังวลที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีแค่ในด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค
แต่ในโลกของการลงทุน ก็พบความผันผวนไม่แพ้กัน..

เหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกอย่างชัดเจน ก็เช่น ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าสหรัฐฯ หลังจากประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariff ซึ่งมีอัตราสูงเกินคาดของตลาด
ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งหุ้นไทยด้วย

แน่นอนว่า ช่วงเวลาที่ต้องเจอทั้งความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และความผันผวนของภาคการลงทุน
ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อภาพในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และยังเป็นเหตุผลว่าทำไมราคาหุ้นไทย จึงตกลงอย่างน่าตกใจ แม้ว่าภาพรวมธุรกิจของหุ้นตัวนั้น ๆ ยังคงปกติอยู่ก็ตาม

แล้วนักลงทุนตอบรับสถานการณ์ช่วงนี้อย่างไร ?

สถิติเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่า ภาพรวม SET และ mai มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวม 39,410 ล้านบาท ลดลง 11.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผู้ลงทุนต่างประเทศ ยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 50.52% โดยมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิ 14,588 ล้านบาท เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความมืดมัว ก็ยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง เช่น

- กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 เช่น กลุ่มการเงิน, กลุ่มเกษตรและอาหาร, กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

- อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ เดือนเมษายน 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 4.00% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 3.40%

ที่สำคัญราคาหุ้นไทยที่ปรับลงมา ยังทำให้ภาพรวม Valuation หุ้นไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
การบ้านสำคัญของนักลงทุน จึงอยู่ที่การคัดเลือกหุ้น และกลยุทธ์การลงทุน

หนึ่งในโอกาสนั้นคือ การอัปสกิลให้แกร่ง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกการลงทุน ที่งาน SET in the City 2025
ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย, หุ้นนอก, ทอง, กองทุน และอนุพันธ์ มากกว่า 50 Sessions จาก 60 Speakers จากวงการลงทุนชั้นนำ

ตัวอย่าง Talk Stage ที่น่าสนใจก็เช่น
- Multi Asset Investing ปรับทัพลงทุนหลายสินทรัพย์กับ ลงทุนแมน
- เทคนิคอัปสกิลทำกำไรใน TFEX
- เปิดโผ DR น่าลงทุน รับเทรนด์หุ้นโลก
- VI & AI เปิดซีเคร็ตลงทุน เลือกหุ้นด้วย AI
- เจาะเทรนด์ทอง มองโอกาสลงทุน

มหกรรมการลงทุนแห่งปี SET in the City 2025
จัดขึ้นในวันที่ 14-15 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00-19.00 น. ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5
ลงทะเบียนร่วมงานฟรี ได้แล้ววันนี้ https://setga.page.link/uzbV

References
-https://th.investing.com/indices/asian-pacific-indices
-https://thaipublica.org/2025/05/thai-nesdc-q1-68-gdp-growth-3-1-annual-outlook-reduced-to-1-8
-https://www.lhfund.co.th/Home/InvestPerspectiveDetail/detail-378-Monthly-Updates-May2025
-https://www.set.or.th/th/education-research/research/market-report/main
-https://www.setinvestnow.com/th/setinthecity2025