สรุป 3 ขั้นตอน How-to ลดหนี้โดยไม่ต้องหนี

สรุป 3 ขั้นตอน How-to ลดหนี้โดยไม่ต้องหนี

สรุป 3 ขั้นตอน How-to ลดหนี้โดยไม่ต้องหนี /โดย ลงทุนแมน
“หนี้” ภูเขายักษ์ใหญ่ที่ทับอยู่บนอกของใครหลาย ๆ คน
ที่มักถูกพ่วงด้วย “ดอกเบี้ย” ติดเป็นเงาตามตัว
ขณะที่บางคนอาจก่อหนี้เพราะขาดความยั้งคิด เช่น ซื้อของเพราะมองว่า “ของมันต้องมี” แต่บางคนก็ก่อหนี้เพราะมีเหตุจำเป็น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอม หรือแม้แต่กู้ไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว
ซึ่งไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันก็คือ หนี้ทำให้คนจำนวนมากนั้น ติดอยู่ในลูปแห่งวังวนหนี้ไปแล้ว
บางคนก็เลือกที่จะไปกู้ยืมเงินก้อนใหม่มาโปะหนี้เก่า บางคนพยายามที่จะปิดหนี้ แต่ก็จ่ายคืนได้เพียงแค่ดอกเบี้ย
ในบทความนี้ ลงทุนแมนจะพาไปทำความเข้าใจเรื่องของ “หนี้” ไปจนถึง How-to การลดหนี้อย่างเป็นระบบ
โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน เพื่อให้เข้าใจง่าย
ได้แก่ “ห้ามเลือด-รักษา-ฟื้นฟู”
เมื่ออ่านเสร็จ นอกจากจะสามารถใช้จัดการหนี้ของตัวเองแล้ว ก็สามารถแชร์ไปให้กับคนรอบข้าง ที่อาจกำลังมีปัญหาเรื่องหนี้อยู่ก็ได้
หากพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย..
ลองนึกดูว่าเวลาเราเลือดออก สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคืออะไร ?
คำตอบคือ “การห้ามเลือด”
ซึ่งการลดหนี้ก็ใช้แนวคิดเดียวกัน ก็คือการ “ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น” ทิ้งไป เพื่อป้องกันการก่อหนี้เพิ่ม
ซึ่งหลักคิดง่าย ๆ ของเรื่องนี้ ให้ลองคิดว่า “ค่าใช้จ่ายไหนที่เราตัด แล้วยังใช้ชีวิตอยู่ได้” ก็คือค่าใช้จ่ายที่อาจไม่จำเป็น
นอกจากนี้ เราควรที่จะต้องลดช่องทาง ที่มีโอกาสทำให้เงินไหลออกให้เหลือน้อยที่สุด เช่น ลดจำนวนบัตรเครดิตที่ถืออยู่ให้เหลือน้อยที่สุด หรือลบแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์ทิ้งไป
การห้ามเลือดนี้จะเป็นการรับประกันว่า เราจะไม่มีการก่อหนี้เพิ่มเติมอีก ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปคือ “การรักษา”
ในขั้นตอนนี้ เริ่มจากจัดการลิสต์รายการหนี้ทั้งหมดที่ค้างอยู่ให้ชัดเจน โดยแยกเป็นประเด็นว่า
- มียอดหนี้เท่าไร ?
- ดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์ ?
- ใครคือเจ้าหนี้ ?
เพื่อที่เราจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมดของหนี้ และสามารถจัดลำดับความสำคัญของหนี้ได้
หลังจากนั้นให้นำรายการหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุด (ส่วนใหญ่มักเป็นหนี้นอกระบบ บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต) มาอยู่เป็นลำดับแรก ๆ
โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ที่มักมีสัญญาสุดโหดที่เรียกกันว่า “สัญญาทาส” ซึ่งเป็นก้อนที่เราควรรีบจัดการก่อน หากมีเงินออมเหลืออยู่บ้าง
แต่สำหรับคนที่ไม่มีเงินเหลือ ก็ควรตั้งสติ และมองหาตัวช่วย ซึ่งในปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการเงินมากมาย ที่มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย
เช่น สินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน เพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ ของธนาคารออมสิน
ขณะที่หนี้ลำดับถัดมา เราก็ควรที่จะเข้าเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อขอปรับโครงสร้าง ผ่อนผัน หรืออาจเข้าร่วมมาตรการอื่น ๆ ที่มีในเวลานั้น เช่น พักชำระเงินต้น ลดอัตราดอกเบี้ย หรือรีไฟแนนซ์
ซึ่งในขั้นตอนนี้ เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน อาจพิจารณารายได้และค่าใช้จ่ายของเรา และออกเป็นแผนการชำระคืนหนี้ที่เหมาะสมให้แก่เรา
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย ก็คือ “การฟื้นฟู”
เมื่อมีรายได้มาแล้ว หลังจากหักค่าใช้จ่ายจำเป็น และจ่ายหนี้ตามแผนการคืนหนี้แล้ว เราควรเก็บเงินที่เหลือเป็น “เงินสำรองฉุกเฉิน”
โดยเงินสำรองฉุกเฉินนี้ จะเป็นเหมือนวัคซีนที่อาจช่วยเราในอนาคต หากมีความจำเป็นต้องใช้เงิน อาจตั้งเป้าหมายคือมีเงินเก็บสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 3-6 เดือน
นอกจากนี้ เรายังควรจะต้องจัดระเบียบการใช้จ่ายในระยะยาว โดยการสร้างนิสัยใหม่ในการบริหารจัดการเงิน
ซึ่งวิธีอย่างง่ายก็คือ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การตั้งกฎกับตัวเองในการจับจ่ายใช้สอย
นอกจากนี้ เราควรศึกษาหาความรู้ทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อนำเงินที่เก็บออมนี้ ไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ต้องกลับไปอยู่ในวังวนแห่งหนี้อีกครั้งหนึ่ง
มาถึงตรงนี้ ก็ขอสรุปขั้นตอนการจัดการหนี้ทั้ง 3 ขั้นตอน อีกครั้ง เริ่มจากการ
- “ห้ามเลือด” เพื่อหยุดเพิ่มหนี้
- “รักษา” เพื่อกำจัดหนี้
- “ฟื้นฟู” เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินในระยะยาว
ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีบาดแผลจากการก่อหนี้ รุนแรงขนาดไหน ก็ขอให้ตั้งสติและค่อย ๆ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทีละขั้นตอน และพยายามอย่าใช้วิธี “หนี” หนี้ ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน
และขอให้คิดถึงวันข้างหน้าเข้าไว้ เพราะเมื่อเรายกภูเขาหนี้ออกจากอกได้เมื่อไร วันนั้นเราจะมีชีวิตใหม่ที่แข็งแรง และเป็นอิสระอย่างแท้จริง..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon