เบื้องหลังความสำเร็จ ที่ทำให้ “แสนสิริ” ยังเป็นหนึ่งในผู้นำอสังหาฯ ของไทย

เบื้องหลังความสำเร็จ ที่ทำให้ “แสนสิริ” ยังเป็นหนึ่งในผู้นำอสังหาฯ ของไทย

เบื้องหลังความสำเร็จ ที่ทำให้ “แสนสิริ” ยังเป็นหนึ่งในผู้นำอสังหาฯ ของไทย / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x แสนสิริ
หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า ในวันที่คนรุ่นใหม่ ใช้ชีวิตแบบเน้นหาประสบการณ์ มากกว่าครอบครองสินทรัพย์
แล้วบ้านหรือที่อยู่อาศัย จะยังเป็น “ปัจจัย 4” ที่จำเป็นอยู่หรือไม่ ?
ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ กลับมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า ยิ่งพายุโหมกระหน่ำ ก็ยิ่งทำให้รากฐานนั้น “แข็งแกร่ง”
ผลลัพธ์ของการปรับตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา คือการครองบัลลังก์ “ผู้นำ” ได้อย่างสมศักดิ์ศรีของแบรนด์ “แสนสิริ”
แล้ว DNA ที่ทำให้แสนสิริสามารถก้าวข้ามทุกวิกฤติ จนกลายมาเป็นผู้ชนะในสมรภูมิอสังหาริมทรัพย์ได้สำเร็จ คืออะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หากเราถอดรหัสความสำเร็จของแบรนด์แสนสิริออกมา สิ่งที่น่าสนใจอาจไม่ใช่เรื่องของการขาย แต่เป็นความสามารถในการอ่านเกมธุรกิจได้อย่างเฉียบขาด รวมถึงความกล้าในการปรับตัวเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ในวันที่เศรษฐกิจไทยซบเซา และตลาดอสังหาฯ แบบเดิมเริ่มอิ่มตัว แสนสิริ เลือกที่จะไม่ยืนขาเดียว แต่กระจายความเสี่ยงออกไปสู่น่านน้ำใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจ Property Management โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ (บริษัทลูกของแสนสิริ)
ที่น่าสนใจที่สุด คือการรุกธุรกิจรับสร้างบ้าน หรือต้นแบบ Crafted by Sansiri ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง และต้องการคุณภาพระดับแสนสิริ ซึ่งถือเป็นการอ่านเกมที่เฉียบขาด ในการดึง Real Demand ออกมาจากตลาดที่หลายคนมองข้าม
ด้วยบริการในรูปแบบ One Stop Service Solution ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมก่อสร้างบ้าน ทั้งดิไซน์ ผลิต จัดส่ง และก่อสร้าง โดยทุกขั้นตอนมีมาตรฐานที่ชัดเจน รวมทั้งความพร้อมของโรงงานพรีคาสต์ ที่มีกำลังการผลิตที่ได้มาตรฐาน พร้อมส่งไปได้ทุกจังหวัด
แต่ลำพังแค่เครื่องมือหรือกลยุทธ์ที่ล้ำสมัยนั้น ก็ไม่อาจเพียงพอที่จะขับเคลื่อนองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีลูกบ้านกว่า 1.3 แสนครอบครัวได้ หากขาดฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดอย่าง “คน”
เบื้องหลังการเคลื่อนทัพของแสนสิริ ถูกขับเคลื่อนด้วย DNA ของคนแสนสิริ ที่ถูกปลูกฝังอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น
- ความรวดเร็วในการรุกตลาด (Speed to Market)
- ความใส่ใจในทุกรายละเอียด (Attention to Detail)
- ความรู้สึกเป็นเจ้าของ (Ownership)
- ไปจนถึงการเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม (Good Citizen)
DNA ทั้ง 4 นี้ หลอมรวมให้แสนสิริมีรากฐานที่มั่นคง และยึดมั่นในการดูแลเสาหลักสำคัญขององค์กร ได้แก่ ลูกค้า, พนักงาน, คู่ค้า และสังคม เพื่อให้ระบบนิเวศทางธุรกิจทั้งหมดเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
เมื่อรากฐานทางธุรกิจแข็งแกร่ง แสนสิริจึงสามารถทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยได้อย่างเต็มที่ ผ่านทีมสถาปนิกและนักออกแบบ ทีมการตลาด ที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้ ให้ความสำคัญกับการวิจัยความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า มุ่งมั่นใจการส่งมอบโครงการคุณภาพ สังคมการอยู่อาศัยที่อบอุ่น ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ด้วยการบริการหลังการขาย ที่พร้อมดูแลอย่างไม่สิ้นสุด
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทำให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภค “รัก” และ “เชื่อถือ” ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องดิไซน์ แต่วัดกันที่ “หัวใจ” ของการดูแล ที่พิสูจน์แล้วผ่านการกระทำ
แล้วแสนสิริทำอย่างไร ถึงสร้างความผูกพันกับลูกบ้านได้ลึกขนาดนี้ ?
คำตอบคือ ในยามวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่ โควิด หรือเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทีมงานแสนสิริคือด่านหน้าที่เข้าไปดูแลลูกบ้านทันที โดยไม่ต้องรอให้ร้องขอ ช่วยสร้าง Brand Love ที่ทำให้ลูกค้าบอกต่อ
ซึ่งแนวคิดความรับผิดชอบนี้ ไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่รั้วโครงการ แต่ขยายวงกว้างออกไปสู่สังคมในฐานะ Good Citizen
โดยแสนสิริมีการตอบแทนสังคมมากมาย เช่น
- ส่งมอบบังเกอร์พรีคาสต์ ให้แก่ชุมชนที่อยู่ชายแดนไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ
- ระดมทุนช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่หาดใหญ่
รวมถึงโครงการ Zero Dropout ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ของเด็กไทยทั่วประเทศ
ทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าแสนสิริจริงจังกับการลดความเหลื่อมล้ำ และพร้อมดูแลสังคมในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการเปิดตัวแบรนด์แคมเปญแห่งปี “Every day... Life is good ทุกวัน ชีวิตดี” เพื่อถ่ายทอดปรัชญาการสร้างบ้าน ที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ทุกคน ผ่าน 4 แกนหลัก คือ
- การออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา (Timeless Design)
- คุณภาพและบริการ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
- คอมมิวนิตีการอยู่อาศัยที่ดี
- ความยั่งยืน
ความมุ่งมั่นทุ่มเทในทุกมิติที่กล่าวมาของแสนสิริ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างภาพลักษณ์ แต่ได้กลายมาเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จ ที่จับต้องได้ในทางธุรกิจ
โดยท่ามกลางเศรษฐกิจปี 2025 ที่หลายฝ่ายยอมรับว่าเป็นปีที่ “ไม่ง่าย”
แต่แสนสิริ กลับสร้างปรากฏการณ์ทำกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก ได้สูงถึง 3,029 ล้านบาท ผงาดขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของไทยทันที พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่น ด้วยยอดขาย 11 เดือน ที่กวาดไปแล้วกว่า 47,700 ล้านบาท
ตัวเลขเหล่านี้ เปรียบเสมือนใบรับรองว่า ภายใต้สภาวะตลาดที่ท้าทาย รากฐานของแสนสิริยังคงมั่นคงและแข็งแรง
โดยความสำเร็จนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศ แต่ยังได้รับการยอมรับในเวทีระดับสากล ไม่ว่าจะเป็น
- ติดอันดับ 2025 Fortune Southeast Asia 500 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และยืนหนึ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยของไทย สะท้อนความแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจระดับภูมิภาค
- คว้ารางวัล Hall of Fame จาก Terra BKK ในฐานะแบรนด์อสังหาฯ ที่ทรงพลังที่สุด ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปีซ้อน ตอกย้ำพลังของแบรนด์ในใจผู้บริโภค
- ได้รับการยอมรับด้าน Wellness และ Sustainability จนติด SET ESG Ratings ระดับสูงสุด AAA ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 พร้อมเป้าหมายระยะยาวในการมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050
- ได้รับรางวัลในกลุ่ม ASEAN Asset Class PLCs จากโครงการ ASEAN Corporate Governance Scorecard ประจำปี 2024 สะท้อนมาตรฐานธรรมาภิบาลในระดับอาเซียน
จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว ที่แสนสิริพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์ที่ขายที่อยู่อาศัย แต่คือองค์กรที่ “ปรับตัวได้เร็ว” และมี “รากฐานที่แข็งแกร่ง” ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าภูมิทัศน์โลกธุรกิจข้างหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เชื่อได้ว่า ชื่อของ “แสนสิริ” จะยังคงยืนตระหง่านเป็นเบอร์หนึ่ง ที่สามารถครองใจผู้บริโภค และพร้อมส่งมอบชีวิตดี ๆ ให้กับทุกคนต่อไป อย่างมั่นคงและยั่งยืนนั่นเอง…
สำหรับใครที่สนใจโครงการของแสนสิริ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://siri.ly/H1YVmgC
#Sansiri
#แสนสิริ
#Everydaylifeisgood
#ทุกวันชีวิตดี
#อสังหาฯ
#ผู้นำทางธุรกิจ
Reference
- เอกสารประชาสัมพันธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon