สรุป CIRCUIT BREAKER ทั้งหมดในประเทศไทย
12 มี.ค. 2020
[UPDATE] ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้าวันนี้ ติดลบ 109.84 จุด
ถ้าวันนี้ตลาดลบ 124.99 จุด จะโดน CIRCUIT BREAKER หรืออีก 15.15 จุดเท่านั้น
ถ้าวันนี้ตลาดลบ 124.99 จุด จะโดน CIRCUIT BREAKER หรืออีก 15.15 จุดเท่านั้น
โดยสาเหตุที่วันนี้ตลาดลงแรงก็เพราะว่า ในช่วงเช้าของไทย สหรัฐประกาศห้ามการเดินทางไป และกลับจากยุโรปทั้งหมด ยกเว้น สหราชอาณาจักร เป็นเวลา 30 วัน มีผลวันศุกร์นี้
นอกจากเหตุการณ์ต่างประเทศ
วันนี้กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ประกาศยืนยันว่าคนไทย
ติดเชื้อ COVID-19 จากการไปสังสรรค์กับเพื่อนที่บินมาจากฮ่องกงจำนวน 11 คน
วันนี้กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ประกาศยืนยันว่าคนไทย
ติดเชื้อ COVID-19 จากการไปสังสรรค์กับเพื่อนที่บินมาจากฮ่องกงจำนวน 11 คน
ทั้งหมดนี้ทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกแรงเทขาย
เรียงตามมูลค่าซื้อ-ขายสูงสุด นำโดย
AOT -13%
PTT -7%
BAM -12%
CPALL -6%
GULF -12%
เรียงตามมูลค่าซื้อ-ขายสูงสุด นำโดย
AOT -13%
PTT -7%
BAM -12%
CPALL -6%
GULF -12%
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเคยโดน CIRCUIT BREAKER ไปทั้งหมด 3 ครั้ง
Circuit Breaker นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อดัชนี SET นั้น ลงกว่า 10% ของวันก่อนหน้า
โดยมีจะมีการพัก 30 นาทีก่อนเปิดให้ซื้อขายอีกครั้งหนึ่ง
และจะปิดอีกครั้งหากดัชนียังลงต่อ 10% หรือรวมเป็น 20% โดยจะพักเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
โดยมีจะมีการพัก 30 นาทีก่อนเปิดให้ซื้อขายอีกครั้งหนึ่ง
และจะปิดอีกครั้งหากดัชนียังลงต่อ 10% หรือรวมเป็น 20% โดยจะพักเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
ในไทยนั้นเคยเกิดเหตุการณ์ อย่างนี้มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง
ครั้งแรกเกิดขึ้นใน วันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2549
โดยในปีนั้นทางธปท. มีนโยบายที่กันสำรอง 30% เพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป โดยต่างชาติที่จะนำเงินมาลงทุนในไทยจะต้องถูกกันเงินไว้ 30% และ จะได้รับเงินคืนเมื่อ ลงทุนมากกว่า 1 ปี ซึ่งก็ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติพากันเทขายอย่างหนัก
ครั้งแรกเกิดขึ้นใน วันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2549
โดยในปีนั้นทางธปท. มีนโยบายที่กันสำรอง 30% เพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป โดยต่างชาติที่จะนำเงินมาลงทุนในไทยจะต้องถูกกันเงินไว้ 30% และ จะได้รับเงินคืนเมื่อ ลงทุนมากกว่า 1 ปี ซึ่งก็ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติพากันเทขายอย่างหนัก
ตลาดหุ้นในวันนั้นปิดที่ ลบ 108.41 จุด คิดเป็น -14.84%
และทำจุดต่ำสุดที่ -19.52% ภายในวันเดียว
และทำจุดต่ำสุดที่ -19.52% ภายในวันเดียว
ส่วนครั้งที่ 2 และ ครั้งที่ 3 เกิดจากผลกระทบจาก วิกฤตซับไพรม์
วันที่ 10 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2551 ตลาดหุ้นวันนั้น -9.61%
วันที่ 27 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2551 ตลาดหุ้นวันนั้น -10.50%
วันที่ 10 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2551 ตลาดหุ้นวันนั้น -9.61%
วันที่ 27 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2551 ตลาดหุ้นวันนั้น -10.50%