สรุป 10 หุ้นในกองทุน MEGA10HEALTH ผู้อยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมสุขภาพของโลก

สรุป 10 หุ้นในกองทุน MEGA10HEALTH ผู้อยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมสุขภาพของโลก

สรุป 10 หุ้นในกองทุน MEGA10HEALTH ผู้อยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมสุขภาพของโลก
1. Eli Lilly and Company
บริษัทยาที่ใหญ่สุดในโลก มีอายุกว่า 149 ปี เด่นเรื่องการพัฒนายารักษาโรคเบาหวาน
รวมถึงยารักษาโรคอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็ง อย่างมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม, ระบบประสาท อย่างโรคอัลไซเมอร์ และไมเกรน, ระบบภูมิคุ้มกัน
ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก แต่ตลาดหลักอยู่ที่สหรัฐฯ และยุโรป
โดยบริษัทลงทุนด้าน R&D อย่างหนัก แต่ละปีลงทุนตรงนี้ไม่ต่ำกว่า 20-25% ของรายได้
และมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนายาใหม่ ๆ ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 1,598,400 ล้านบาท กำไร 362,300 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 22,425,900 ล้านบาท
2. Novo Nordisk
บริษัทยายักษ์ใหญ่โลก ที่อายุกว่า 101 ปี เป็นผู้นำด้านยารักษาโรคเบาหวาน และโรคอ้วน รวมถึงโรคหายากเฉพาะต่าง ๆ เช่น โรคฮีโมฟีเลีย
ซึ่งบริษัทมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก และลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง ปีละ 14-17% ของรายได้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน จนมีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านโรคใดโรคหนึ่งมายาวนาน
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 1,513,000 ล้านบาท กำไร 522,100 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 10,375,600 ล้านบาท
3. Johnson & Johnson
บริษัทยาที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก อายุกว่า 139 ปี เป็นบริษัทที่ชื่อแบรนด์คุ้นหูคนทั้งโลกมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัท มีทั้งยา และเครื่องมือแพทย์
เน้นพัฒนายารักษาโรคเฉพาะทาง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว, ภูมิคุ้มกันผิดปกติ, ระบบประสาท, โรคติดเชื้อ, โรคหัวใจ
ส่วนเครื่องมือแพทย์ ก็มีขายอุปกรณ์ผ่าตัดและเย็บแผล, อุปกรณ์เปลี่ยนข้อเข่า ข้อสะโพก, อุปกรณ์สวนหัวใจ เป็นต้น
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 2,913,800 ล้านบาท กำไร 711,400 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 12,025,100 ล้านบาท
4. AbbVie
หนึ่งในบริษัทยา Top 3 ของโลก มุ่งเน้นวิจัยและพัฒนายารักษาโรคเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิคุ้มกัน, โรคมะเร็ง, โรคระบบประสาท อย่างเช่นรักษาไมเกรน และโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคสะเก็ดเงิน และยังเป็นบริษัทแม่ของ Allergan ผู้ผลิตโบท็อกชื่อดัง
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 1,871,200 ล้านบาท กำไร 135,500 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 10,794,000 ล้านบาท
5. Merck & Co.
บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อายุ 134 ปี ผลิตยาและวัคซีน ทั้งในคนและสัตว์
ในส่วนของคน ทำตั้งแต่ยารักษาเชื้อ HIV, โรคมะเร็ง, หัด คางทูม หัดเยอรมัน, ยาลดคอเลสเตอรอล, ยาปฏิชีวนะ
สำหรับสัตว์ ครอบคลุมทั้งวัคซีน ยาปฏิชีวนะ และอาหารเสริม
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 2,085,000 ล้านบาท กำไร 568,700 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 6,410,800 ล้านบาท
6. AstraZeneca
บริษัทยาและเทคโนโลยีชีวภาพ จากสหราชอาณาจักร มุ่งพัฒนายาสำหรับการรักษาโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ หลอดเลือด ไต และเมแทบอลิซึม, โรคระบบทางเดินหายใจและภูมิคุ้มกัน
ซึ่งบริษัทมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ที่เข้าถึงผู้ป่วยทั่วโลก
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 1,793,400 ล้านบาท กำไร 253,500 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 7,372,100 ล้านบาท
7. Thermo Fisher Scientific
บริษัทผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์และชุดเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์, ชุดตรวจและวิเคราะห์, วัสดุในห้องแล็บ, สารเคมี และบริการที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และการผลิตยา
ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำในตลาดเครื่องมือวิทยาศาสตร์ระดับโลก โดยมีเครือข่ายจำหน่ายและลูกค้าทั่วโลกในกว่า 180 ประเทศ
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 1,399,300 ล้านบาท กำไร 212,500 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 4,970,400 ล้านบาท
8. Abbott Laboratories
บริษัทผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลสุขภาพ เช่น อุปกรณ์การแพทย์, ยา, ผลิตภัณฑ์โภชนาการ ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ และผลิตภัณฑ์วินิจฉัยโรค
ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้หลากหลาย

- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 1,381,200 ล้านบาท กำไร 440,400 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 7,545,600 ล้านบาท
9. Intuitive Surgical
บริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ ชั้นนำระดับโลก มีชื่อเสียงในฐานะผู้พัฒนาระบบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ที่เรียกว่า da Vinci Surgical System ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงวงการศัลยกรรม
เพราะช่วยเพิ่มความแม่นยำ ลดความเสี่ยง และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 284,300 ล้านบาท กำไร 80,800 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 6,523,000 ล้านบาท
10. Boston Scientific Corporation
หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรม อุปกรณ์การแพทย์ของโลก มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีล้ำสมัยในการผ่าตัดแผลเล็ก และระบบฝังอุปกรณ์
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกใช้จริงในการผ่าตัดหัวใจ, ทางเดินอาหาร, การรักษานิ่ว ฯลฯ ตามโรงพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงในไทย
- ผลประกอบการ 12 เดือนล่าสุด
รายได้ 572,600 ล้านบาท กำไร 66,300 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 4,975,300 ล้านบาท
—-----------------------
หมายเหตุ : ข้อมูล ณ วันที่ 04/06/2025
MEGA10HEALTH ลงทุนใน 10 บริษัท HEALTHCARE ระดับโลก จะเปิดจอง IPO ในวันที่ 12 - 18 มิ.ย. 2568
-MEGA10HEALTH หมายถึง กองทุน MEGA10 HEALTHCARE ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10HEALTH-A) และกองทุน MEGA10 HEALTHCARE เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10HEALTHRMF)
โดยมีนโยบายการลงทุนแบบ Rule Base Approach ลงทุนในตราสารทุน และ /หรือใบรับฝากหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (American Depositary Receipt (ADR)) ของบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) หรือ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq Stock Market: NASDAQ) หรือตลาดอื่นใดในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับสุขภาพ และเป็นหลักทรัพย์ที่ถูกจัดกลุ่มอยู่ในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare (Healthcare Sector)โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) และไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยคัดเลือกหลักทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย 5 กลุ่ม ได้แก่
-เทคโนโลยีการดูแลสุขภาพ (Healthcare Technology)
-เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
-เภสัชกรรม (Pharmaceuticals)
-เครื่องมือและบริการด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life Sciences Tools & Services)
-อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ (Health Care Equipment)
โดยผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารทุนของบริษัทข้างต้นจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องจำนวน 10 บริษัท เช่น
-Eli Lilly บริษัทผู้ถือครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่กลุ่มยาเบาหวาน และลดน้ำหนัก
-Merck & Co บริษัทผู้ถือครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่กลุ่มยาภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับมะเร็ง
-AstraZeneca ยาโรคหัวใจล้มเหลว และการลงทุนด้าน Cell & Gene Therapy
-Abbott Laboratories ผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจน้ำตาลในเลือดแบบไม่ต้องเจาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
-Intuitive Surgical ผู้ผลิตตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดรายใหญ่
(อ้างอิง : เว็บไซต์ทางการของแต่ละบริษัท และ Yahoo Finance)
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น
กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และอาจมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 หรือ www.talisam.co.th และผู้สนับสนุนการขายหลายราย
คำเตือน: การลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีของกรมสรรพากร ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลา นอกจากนี้อาจต้องชำระเงินเพิ่ม และ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon