
มุมมอง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ต่อธุรกิจเครือข่าย
มุมมอง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ต่อธุรกิจเครือข่าย /โดย ลงทุนแมน
ช่วงนี้ กระแสธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM กลับมาเป็นดรามาอีกครั้ง บนโลกโซเชียล
ช่วงนี้ กระแสธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM กลับมาเป็นดรามาอีกครั้ง บนโลกโซเชียล
โดยมีคนจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น
ทั้งแง่ลบเชิงเสียดสีเกี่ยวกับธุรกิจประเภทนี้ และแง่บวก
บ้างก็บอกว่า “ขายฝันมากกว่าขายของจริง”
บ้างก็บอกว่า “สินค้าราคาแพงเกินจริง”
บ้างก็บอกว่า “รายได้ไม่แน่นอน กระทบความสัมพันธ์”
ทั้งแง่ลบเชิงเสียดสีเกี่ยวกับธุรกิจประเภทนี้ และแง่บวก
บ้างก็บอกว่า “ขายฝันมากกว่าขายของจริง”
บ้างก็บอกว่า “สินค้าราคาแพงเกินจริง”
บ้างก็บอกว่า “รายได้ไม่แน่นอน กระทบความสัมพันธ์”
แต่ก็มีอีกฝ่ายที่บอกว่า “ได้รายได้เสริม ได้เรียนรู้ทักษะใหม่”
ซึ่งนักลงทุนระดับตำนานอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็เคยให้มุมมองต่อธุรกิจเครือข่าย ด้วยเช่นกัน
แล้วเขามีความคิดเห็นว่าอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณอยากมีรายได้เสริมไหม ?
คุณอยากมี Passive Income หรือเปล่า ?
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับประโยคเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า นี่คือประโยคชวนคนไปขายตรง
คุณอยากมี Passive Income หรือเปล่า ?
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับประโยคเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า นี่คือประโยคชวนคนไปขายตรง
ซึ่งส่วนใหญ่คนที่พูดประโยคแบบนี้ก็คือเพื่อนหรือคนรู้จักใกล้ตัวเรา
แม้ว่าหลาย ๆ คนจะมีประสบการณ์กับธุรกิจขายตรงแตกต่างกัน ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ
แต่รู้หรือไม่ว่า อันที่จริงแล้ว การขายตรง ไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ และมีมายาวนานไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี ซึ่งนานพอ ๆ กับอารยธรรมมนุษย์
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าธุรกิจ “ขายตรง (Direct Selling)” และ “ธุรกิจเครือข่าย (MLM)” นั้นไม่เหมือนกัน
ขายตรง (Direct Selling) หมายถึง การขายแบบตัวต่อตัว ระหว่างผู้ขายและลูกค้า โดยเป็นการขายที่ไม่มีร้านค้า หรือสถานที่ประกอบกิจการที่ชัดเจน เช่น นักขายที่ไปนำเสนอสินค้าถึงบ้าน
ส่วนธุรกิจเครือข่ายแบบ MLM (Multi-Level Marketing)
อธิบายง่าย ๆ คือ การขายตรง + การสร้างทีมขาย และได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายของเครือข่าย
อธิบายง่าย ๆ คือ การขายตรง + การสร้างทีมขาย และได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายของเครือข่าย
ซึ่งในโลกจริง MLM มักถูกตั้งคำถามว่า รายได้เกิดจากการขายสินค้าให้ผู้บริโภคจริง หรือเกิดจากการชวนคนมาซื้อสินค้าและสมัครสมาชิกเพิ่มกันแน่
ทีนี้เราลองมาดูมุมมองของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กันบ้าง ว่าเขามีมุมมองอย่างไร เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย (MLM)
วอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกว่า ต้องแยกให้ออกระหว่างธุรกิจ MLM ที่ถูกกฎหมาย กับแชร์ลูกโซ่ (Pyramid Scheme)
โดยมีหลักคิดง่าย ๆ ในการดูคือ
ธุรกิจขายตรง MLM ที่ถูกต้องหรือถูกกฎหมายนั้น มักจะมีลักษณะ
- ขายสินค้าให้ผู้บริโภคจริง ๆ ที่ต้องการใช้
- สินค้ามีคุณภาพและราคาสมเหตุสมผล
- รายได้หลักมาจากการขายสินค้า ไม่ใช่การชวนคน
- ขายสินค้าให้ผู้บริโภคจริง ๆ ที่ต้องการใช้
- สินค้ามีคุณภาพและราคาสมเหตุสมผล
- รายได้หลักมาจากการขายสินค้า ไม่ใช่การชวนคน
แต่แชร์ลูกโซ่
- เน้นให้ตัวแทนซื้อสินค้าจำนวนมาก
- สินค้าไม่ได้ขายต่อให้ลูกค้าจริง
- รายได้หลักมาจากการชวนคนเข้าร่วม
- เน้นให้ตัวแทนซื้อสินค้าจำนวนมาก
- สินค้าไม่ได้ขายต่อให้ลูกค้าจริง
- รายได้หลักมาจากการชวนคนเข้าร่วม
นอกจากนี้ ชาร์ลี มังเกอร์ อดีตคู่หูของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังให้มุมมองว่า
“ถ้าธุรกิจเน้นชวนคนเข้าร่วมเครือข่ายมากกว่าขายสินค้าให้คนใช้จริง นั่นมักจะเป็นการหลอกลวง และเป็นการขายฝันมากกว่า”
สรุปแล้ว ธุรกิจเครือข่าย กับ แชร์ลูกโซ่ มีความแตกต่างกันในหลายจุด โดยเฉพาะแหล่งทำเงิน ว่าหลัก ๆ มาจากการขายสินค้า หรือว่ามาจากการชวนคนเข้ามาในเครือข่าย
หลักคิดนี้ช่วยให้เราแยกได้ว่า โอกาสทางธุรกิจจริง ๆ ต้องอยู่บนพื้นฐานของสินค้า และลูกค้าจริง ไม่ใช่ขายความฝัน
ถึงแม้หลายคนจะมองธุรกิจขายตรง หรือ MLM ว่าเป็นการขายฝัน แต่ถ้ามองให้รอบด้าน ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เช่น
1. โอกาสสร้างรายได้เสริม
สำหรับใครที่อยากมีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินเดือน ธุรกิจขายตรง หรือ MLM เปิดโอกาสให้เริ่มได้โดยไม่ต้องใช้ทุนสูง
สำหรับใครที่อยากมีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินเดือน ธุรกิจขายตรง หรือ MLM เปิดโอกาสให้เริ่มได้โดยไม่ต้องใช้ทุนสูง
แต่ต้องจำไว้ว่า รายได้ไม่ได้มาง่าย ๆ ต้องใช้ความพยายาม
2. ฝึกทักษะการขาย และสื่อสาร
การพบปะลูกค้า และอธิบายสินค้า ช่วยให้เราได้ฝึก การสื่อสาร การเจรจา และการโน้มน้าวใจ ซึ่งเป็นทักษะที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และงานอื่น ๆ
การพบปะลูกค้า และอธิบายสินค้า ช่วยให้เราได้ฝึก การสื่อสาร การเจรจา และการโน้มน้าวใจ ซึ่งเป็นทักษะที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และงานอื่น ๆ
3. ความยืดหยุ่นด้านเวลาและสถานที่
นักขายไม่จำเป็นต้องอยู่ในออฟฟิศ ทำให้สามารถเลือกเวลาและสถานที่ทำงานเอง เหมาะกับคนที่ต้องการอิสระ แต่ก็ต้องมีวินัย ไม่ใช่ทำตามใจตัวเองทั้งหมด
นักขายไม่จำเป็นต้องอยู่ในออฟฟิศ ทำให้สามารถเลือกเวลาและสถานที่ทำงานเอง เหมาะกับคนที่ต้องการอิสระ แต่ก็ต้องมีวินัย ไม่ใช่ทำตามใจตัวเองทั้งหมด
4. เรียนรู้เรื่องธุรกิจและการตลาด
MLM ช่วยให้เข้าใจเรื่อง การจัดการเครือข่าย การวางแผนการตลาด และการสร้างทีม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่นำไปต่อยอดในธุรกิจอื่นได้
MLM ช่วยให้เข้าใจเรื่อง การจัดการเครือข่าย การวางแผนการตลาด และการสร้างทีม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่นำไปต่อยอดในธุรกิจอื่นได้
และทุกวันนี้ก็ยังมีธุรกิจอีกมาก ที่เราสามารถใช้คำว่าขายตรงได้ อย่างเช่น ตัวแทนประกัน หรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพเพื่ออธิบายข้อมูลให้ลูกค้า
สุดท้ายนี้
ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไร สิ่งสำคัญคือ
“ต้องคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ”
ว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ ?
ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไร สิ่งสำคัญคือ
“ต้องคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ”
ว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ ?
ทุกวงการมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ และคนที่ล้มเหลว เหมือนรูปทรงพีระมิด ที่คนที่อยู่ด้านบนจะมีไม่มาก หรือเพียงหยิบมือเดียว
ซึ่งตัวเราเองคือคนที่จะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของเรา และไม่มีใครช่วยให้เรารวยหรือประสบความสำเร็จได้
อีกทั้งสิ่งที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และชาร์ลี มังเกอร์ ได้สอนเราก็คือ ให้แยกธุรกิจจริง ออกจากธุรกิจที่หลอกลวง
ถ้าสินค้ามีคุณค่า และขายลูกค้าได้จริง ก็ถือเป็นโมเดลธุรกิจหนึ่ง
แต่ถ้ารายได้เกิดจากการขายฝัน หรือการชวนคนมาดูดเงิน โดยไม่สนใจผู้บริโภคปลายทาง แบบนั้นก็ไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่..
Reference
- https://www.youtube.com/watch?v=l297UcP-gIY
- https://www.youtube.com/watch?v=l297UcP-gIY