Naspers นักลงทุนหุ้น 7,000 เด้ง

Naspers นักลงทุนหุ้น 7,000 เด้ง

15 ม.ค. 2021
Naspers นักลงทุนหุ้น 7,000 เด้ง /โดย ลงทุนแมน
ปีที่ผ่านมา การลงทุนใน Tesla ผู้นำนวัตกรรมรถไฟฟ้าของอีลอน มัสก์
หรือหุ้น Delta ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
สามารถสร้างผลตอบแทนให้เราเป็นหลายเท่าตัว
หรือที่เราเรียกกันอีกอย่างว่า “หุ้นหลายเด้ง”
แต่รู้หรือไม่ว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ มีการลงทุนครั้งหนึ่งที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 7,000 เด้ง หรือละเอียดกว่านั้นก็คือ +716,029%
โดยนักลงทุนคนที่ว่านี้ ไม่ใช่ตัวบุคคล
แต่เป็นบริษัทที่ชื่อว่า “Naspers” ที่ไม่ได้เป็นบริษัทจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือเอเชีย
แต่มาจากทวีปแอฟริกา
Naspers ทำธุรกิจอะไร
แล้วไปลงทุนในสินทรัพย์อะไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Naspers เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ทำธุรกิจมายาวนานกว่า 105 ปี
บริษัทแห่งนี้ เริ่มต้นจากการทำธุรกิจสิ่งพิมพ์
ก่อนที่จะปรับตัว และปรับโครงสร้างบริษัทเข้าสู่ธุรกิจมีเดีย และเทคโนโลยี ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
นอกจากนั้น บริษัทก็ได้จัดสรรเงินลงทุนบางส่วน เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มที่จะเติบโต
ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจฟินเทค แพลตฟอร์มส่งอาหาร รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ซึ่งหนึ่งในบริษัทที่ทาง Naspers ได้เข้าไปลงทุนนั้น ก็คือบริษัท Tencent
โดย Naspers ได้เข้าไปเป็นผู้ระดมทุนให้กับบริษัท Tencent ในปี 2001
ซึ่งย้อนกลับไปตอนนั้น Tencent เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาได้เพียง 3 ปี เท่านั้น
จริงอยู่ว่าปัจจุบัน หลายคนอาจจะรู้จัก Tencent ในฐานะบริษัทเกมที่ใหญ่สุดในโลก และเป็นเจ้าของ WeChat แอปแช็ตที่มีผู้ใช้งานเกินกว่า 1,200 ล้านบัญชี
แต่ Tencent เมื่อ 19 ปีก่อน
แตกต่างจากวันนี้อย่างสิ้นเชิง..
ตอนนั้น Tencent เป็นเพียงบริษัทสตาร์ตอัปจีนที่ยังไม่มี WeChat ยังไม่มีธุรกิจเกม และที่สำคัญยังไม่มีแม้แต่โมเดลในการสร้างรายได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Tencent มี ก็คือผู้ใช้งานราว 100 ล้านบัญชี บนโปรแกรม QQ ซอฟต์แวร์สำหรับการสื่อสาร ที่สร้างขึ้นโดยได้ไอเดียมาจาก ICQ โปรแกรมแช็ตยอดนิยมทั่วโลกที่ชื่อคล้ายกันในเวลานั้น
และด้วยความที่ผู้ใช้งานบน QQ เติบโตแบบก้าวกระโดดแต่ยังไม่มีช่องทางในการหารายได้
จึงทำให้ทางบริษัทไม่มีเงินทุนในการไปเช่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับสำหรับการเติบโต
ในเวลานั้นค่าใช้จ่ายในการเช่าเซิร์ฟเวอร์ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง เนื่องจากเทคโนโลยีคลาวด์ยังไม่ได้มีประสิทธิภาพอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้
โดย AWS หรือธุรกิจคลาวด์ของ Amazon ที่นิยมกันในบริษัทสตาร์ตอัปปัจจุบัน ก็เพิ่งก่อตั้งหลังจาก QQ เกิดขึ้นนานถึง 7 ปี
เรื่องดังกล่าวจึงทำให้ Tencent ต้องหาผู้ที่จะเข้ามาระดมทุน
โดยตอนนั้นทางบริษัท ก็ได้ไปติดต่อกับทั้ง Sohu และ Yahoo! China สองบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ
จนในที่สุด ก็กลายมาเป็นบริษัทสัญชาติแอฟริกันอย่าง Naspers ที่ได้เข้าไปเป็นเครื่องช่วยหายใจให้กับผู้ป่วยติดเตียงที่ชื่อว่า Tencent
ดีลที่เกิดขึ้นก็คือ Naspers เสนอเงินทุน 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 961 ล้านบาท
เพื่อแลกกับหุ้น 46.5% ของบริษัท Tencent
หลังจากได้รับเงินระดมทุนไปแล้ว Tencent จึงเริ่มพัฒนาช่องทางการหารายได้ เริ่มจากการขาย Avatar บนระบบ QQ และต่อยอดไปยังธุรกิจจัดจำหน่ายเกม
ซึ่งพอเห็นว่าธุรกิจเกมเติบโตได้ดี Tencent ก็ได้ตัดสินใจรุกเข้าสู่การเป็นผู้พัฒนาเกม และก็ได้เข้าซื้อกิจการเกมหลายแห่ง เช่น Riot Games เจ้าของเกมดัง League of Legends และ Supercell เจ้าของ Clash of Clans
ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้พัฒนา WeChat
ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นแอปแช็ตอันดับหนึ่งในประเทศจีน
จนมาถึงวันนี้ Tencent ได้กลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดที่สามารถสร้างกำไรได้มหาศาลกว่า 4 แสนล้านบาท ต่อปี
และด้วยกำไรระดับนี้จึงทำให้ Tencent ได้จัดสรรกำไร ไปลงทุนในบริษัทอื่น ลักษณะเดียวกันกับที่ Naspers เคยเข้ามาลงทุนใน Tencent
โดยการลงทุนของ Tencent ก็มีตั้งแต่
-การเข้าซื้อกิจการเพื่อเสริมธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
-การลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัป
-การลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เข้าไปเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน
ยกตัวอย่างบริษัทที่ Tencent เข้าไปลงทุนก็เช่น Tesla, Shopee, Spotify, Snapchat, Gojek, Riot Games, PUBG และอีกกว่า 700 บริษัท ทั่วทุกมุมโลก..
ปัจจุบัน Tencent มีมูลค่าบริษัท 22.2 ล้านล้านบาท
ในขณะที่ Naspers ซึ่งระหว่างทางก็ได้ขายหุ้นของ Tencent ออกมาบางส่วน
ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด โดยถือหุ้นเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 31%
คิดเป็นมูลค่าราว 6.9 ล้านล้านบาท
หากเรานำมูลค่าดังกล่าว ไปเทียบกับเงินลงทุนเมื่อ 19 ปีก่อน
มันจะเป็นผลตอบแทนที่ระดับ +716,029% หรือ 7,160 เด้ง
หรือลองคิดดูเล่นๆ ว่าหาก Naspers ไม่ได้ขายหุ้น Tencent ออกมาเลย และยังคงสัดส่วนการถือหุ้นที่ 46.5%
ผลตอบแทนที่ได้ก็จะเป็น +1,074,193% หรือ 10,742 เด้ง
หากคิดเป็นมูลค่าก็จะเท่ากับ 10,322,995,000,000 บาท
อ่านง่าย ๆ ว่า 10.3 ล้านล้านบาท..
----------------------
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.