กรณีศึกษา เครื่องดื่มชูกำลัง “Monster” ได้ไอเดียจาก Red Bull แต่วันนี้ขายดีเท่า ๆ กัน

กรณีศึกษา เครื่องดื่มชูกำลัง “Monster” ได้ไอเดียจาก Red Bull แต่วันนี้ขายดีเท่า ๆ กัน

4 ธ.ค. 2021
กรณีศึกษา เครื่องดื่มชูกำลัง “Monster” ได้ไอเดียจาก Red Bull แต่วันนี้ขายดีเท่า ๆ กัน /โดย ลงทุนแมน
หากถามว่าบริษัทไหนใน S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีของบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่ง
ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ?
แน่นอนว่าหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยี เช่น Apple หรือ Amazon
แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ทั้ง 2 บริษัท
โดยบริษัทที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดนั้นก็คือ “Monster Beverage Corporation” ผู้ผลิตเครื่องดื่ม Energy Drink ปัจจุบันมีมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท ปรับตัวขึ้นมา 111,929% ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา สูงกว่าทั้ง Apple 45,719% และ Amazon 40,497% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ที่น่าสนใจพอ ๆ กับการเป็นธุรกิจที่ผลตอบแทนดีสุดในรอบ 20 ปี ก็คือ
ไอเดียธุรกิจ Energy Drink ของแบรนด์ Monster มีจุดเริ่มต้นมาจาก Red Bull..
บริษัทแห่งนี้ทำอย่างไรให้ธุรกิจเครื่องดื่มมีการเติบโตมากกว่าบริษัทเทคโนโลยี
แล้ว Monster ได้ไอเดียอะไรมาจาก Red Bull ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ Monster Beverage Corporation เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1930 หรือราว 91 ปีก่อน
คุณ Hubert Hansen และลูก ๆ ของเขาได้เริ่มต้นธุรกิจขายน้ำผลไม้คั้นสดในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ต่อมาในปี 1977 คุณ Tim Hansen หลานชายคุณ Hubert Hansen ได้เริ่มจัดตั้งบริษัทขึ้นโดยใช้ชื่อว่า Hansen Foods พร้อมกับปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น “น้ำผลไม้ผสมโซดา” ภายใต้แบรนด์ Hansen’s และบริษัทแห่งนี้ก็ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 1985
แต่หลังจากนั้น ธุรกิจของพวกเขาก็เรียกได้ว่าทรงตัว ไม่ได้มีการเติบโตมากเท่าไร จึงทำให้บริษัทเริ่มมีฐานะทางการเงินฝืดเคือง ในชนิดที่ว่าเกือบจะล้มละลาย จึงทำให้ตัวเจ้าของตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัท California Co-Packers Corporation และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Hansen Natural Corporation
ต่อมา บริษัทก็ถูกขายอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ผู้ที่เข้ามารับช่วงต่อ ก็คือ คุณ “Rodney Sacks”
นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ที่ย้ายถิ่นฐานมายังสหรัฐอเมริกาและมองหาการลงทุนที่นี่
ระหว่างที่บริหารบริษัทอยู่ Rodney Sacks ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศอังกฤษ และเขาสังเกตเห็นว่าแบรนด์ Energy Drink อย่าง Red Bull เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
เขาเลยคิดว่าถ้ามีเครื่องดื่มแบบนี้วางขายที่สหรัฐอเมริกา ก็น่าจะเป็นที่นิยมแบบเดียวกัน
จุดนี้เองที่ทำให้เขาตัดสินใจรุกเข้าสู่ธุรกิจ Energy Drink เต็มตัว
ซึ่งเขาก็ได้ปรับกลยุทธ์ทั้งหมดของบริษัทจากการเป็นผู้ผลิตน้ำผักผลไม้
กลายมาเป็นการผลิต Energy Drink ภายใต้แบรนด์ Hansen’s Energy
เพื่อวางขายในประเทศสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา
เรียกง่าย ๆ ว่าเขาเห็น Red Bull สำเร็จแล้ว แต่ประเทศที่เขาอยู่ยังไม่มี เลยจะทำบ้าง..
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะในช่วงแรก Hansen’s Energy ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ประกอบกับต้นแบบไอเดียของเขาอย่าง Red Bull ก็ได้เข้ามาเจาะตลาดสหรัฐอเมริกาเหมือนกัน ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ดุเดือดมากขึ้น
คุณ Rodney Sacks จึงได้เริ่มทำการสำรวจตลาด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง
จากผลการสำรวจ เขาพบว่ากลุ่มลูกค้าที่ดื่ม Energy Drink จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ดื่มเพื่อความสดชื่น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่รสชาติที่เปรี้ยวของ Hansen’s Energy กลับไม่สามารถให้ความรู้สึกแบบนั้นได้
เขาจึงพัฒนาสูตร Energy Drink ขึ้นมาใหม่ โดยปรับรสชาติให้ “หวานจัด” และเพิ่มสารปรุงแต่ง เช่น กาเฟอีนและปรับโฉมแบรนด์ใหม่เป็น “Monster” พร้อมกับใช้กลยุทธ์การตลาด Sport Marketing ผ่านการสนับสนุนนักกีฬา เช่น นักกีฬา Extreme, นักแข่งรถ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนรายการแข่งขันระดับโลก เช่น MotoGP และ UFC
จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว ผลปรากฏว่าแบรนด์ Monster ประสบความสำเร็จอย่างมากในสหรัฐอเมริกา
สำเร็จจนถึงในระดับที่ทางบริษัทนำชื่อมาแทนชื่อบริษัทเดิม โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “Monster Beverage Corporation” และใช้จนมาถึงทุกวันนี้
และด้วยการที่บริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่ดึงดูดนักลงทุนมากมาย
รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Coca-Cola ด้วย
ในปี 2015 บริษัท Coca-Cola จึงตัดสินใจจ่ายเงินราว 70,950 ล้านบาท
เพื่อแลกกับหุ้นบริษัท Monster Beverage Corporation ประมาณ 16.7%
แล้วการเข้ามาถือหุ้นของ Coca-Cola บริษัทจะได้อะไรบ้าง ?
Monster สามารถอาศัยช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกของ Coca-Cola ได้
นั่นหมายถึงบริษัทสามารถกระจายสินค้าไปประเทศอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น สร้างโอกาสการเติบโตมหาศาล
รวมถึงการรับโอนแบรนด์จาก Coca-Cola ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Energy Drink เช่น Full Throttle และ Nos มาเสริมกลุ่มผลิตภัณฑ์ Energy Drink ของบริษัทให้มีความหลากหลายมากขึ้น
แลกกับการที่ Monster โอนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Non-Energy Drink ไปให้กับ Coca-Cola บริหาร
ปัจจุบัน Monster Beverage Corporation เป็นบริษัทที่พัฒนาเครื่องดื่ม ทำการตลาด ขายและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม Energy Drink ผ่านเครือข่าย Bottler หรือผู้ผลิตและบรรจุเครื่องดื่มใน 150 ประเทศทั่วโลก ภายใต้แบรนด์มากกว่า 10 แบรนด์
หากเรามาดูผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา
ปี 2018 รายได้ 125,637 ล้านบาท กำไร 32,769 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 138,627 ล้านบาท กำไร 36,559 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 151,755 ล้านบาท กำไร 46,517 ล้านบาท
แบ่งกลุ่มลูกค้าตามรายได้
- Bottler ในสหรัฐอเมริกา 56%
- Bottler นอกสหรัฐอเมริกา 34%
- อื่น ๆ 10%
ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า รายได้และกำไรของบริษัทมีการเติบโตทุกปี ถึงแม้ว่าบริษัทต้องเผชิญการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง หรือแม้แต่เผชิญกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เทรนด์รักสุขภาพ บริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงน้อยลง
หรือแม้แต่ในปี 2020 โลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 บริษัทก็ยังคงสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้
ทีนี้ เรามาดูกันว่าตลาด Energy Drink ทั่วโลกใหญ่ขนาดไหน ?
ปี 2020 ตลาดนี้มีมูลค่าประมาณ 2,000,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 7% จนไปถึงปี 2025
ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมนี้มีไม่กี่ราย หากแยกตามแบรนด์ก็จะได้เป็น
- Red Bull 43%
- Monster 39%
- Rockstar 10%
- Nos 3%
- อื่น ๆ 5%
ที่น่าสนใจก็คือ Red Bull ผู้เป็นเจ้าตลาดเครื่องดื่มกลุ่มนี้มาอย่างยาวนานและก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1984 หรือก่อนหน้าที่ Rodney Sacks จะเริ่มทำแบรนด์ Monster ถึง 8 ปี แต่วันนี้ เขาก็ทำให้ Monster กลายเป็นคู่แข่งในระดับเดียวกันกับ Red Bull ได้แล้ว
โดยเจ้าตลาดทั้ง 2 แบรนด์ กินส่วนแบ่งการตลาด Energy Drink ของโลกมากกว่า 80% เลยทีเดียว
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ ก็ไม่น่าแปลกเลยที่ปัจจุบัน Monster จะกลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของโลก มีมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 111,929% เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
แล้วถ้าถามว่าความสำเร็จนี้ เกิดขึ้นมาจากอะไร ?
หากเราย้อนกลับไปในวันที่ Rodney Sacks เข้าซื้อกิจการน้ำผลไม้ที่กำลังจะล้มละลาย
ไอเดียของเขาไม่ได้เกิดขึ้นจากห้องประชุม ที่ทำงาน หรือแม้แต่การว่าจ้างที่ปรึกษาจากที่ไหน
แต่กลับเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไป “ท่องเที่ยว” และเล็งเห็นว่าธุรกิจที่สำเร็จแล้วที่อื่น
แต่ประเทศของเราเองยังไม่มี หากเราลงมือทำ มันก็อาจจะสำเร็จได้ไม่ต่างกัน
ถ้าวันนี้เราคิดอะไรไม่ออก
อาจลองไปท่องเที่ยวดู
เผื่อได้เจออะไรดี ๆ เหมือน Monster ก็เป็นได้..
อยากได้ไอเดียใหม่ ๆ แบบไม่ต้องออกไปไหน ลองใช้ Blockdit
เป็นส่วนหนึ่งในสังคมแห่งไอเดียกว่า 2 ล้านคนได้ที่ blockdit.com/download
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.statista.com/chart/26240/20-year-stock-performance-of-monster-beverage/
-https://investors.monsterbevcorp.com/static-files/a99915c7-59d7-412a-9479-cff1240077b7
-https://www.equities.com/news/small-cap-success-story-monster-beverage
-https://www.foodnavigator-usa.com/Article/2014/08/14/Coca-Cola-enters-strategic-partnership-with-Monster-Beverage-Corp
-https://investors.monsterbevcorp.com/static-files/4a074837-b1a4-4503-818f-1fb03c91f550
-https://finance.yahoo.com/quote/MNST/financials?p=MNST
-https://www.t4.ai/industry/energy-drink-market-share
-https://www.forbes.com/profile/rodney-sacks/?sh=102cba272ae7
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.