ตลาดหุ้นไทย จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ ? TFEX ฟิวเจอร์ส อีกตัวช่วยพอร์ตสำหรับนักลงทุน

ตลาดหุ้นไทย จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ ? TFEX ฟิวเจอร์ส อีกตัวช่วยพอร์ตสำหรับนักลงทุน

ตลาดหุ้นไทย จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ ? TFEX ฟิวเจอร์ส อีกตัวช่วยพอร์ตสำหรับนักลงทุน /โดย ลงทุนแมน
“3 วันดี 4 วันร้าย”
อาจอธิบายภาพรวมตลาดหุ้นไทย ที่เจอหลายความท้าทายในช่วงเวลานี้ ได้เป็นอย่างดี
ในรอบปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย ได้ทำจุดต่ำสุดที่ 1,056 จุด
แต่ก็เริ่มฟื้นตัวแล้ว กลับมายืนเหนือ 1,200 จุดได้
คนที่มองเห็นหุ้นไทยเป็นโอกาส แล้วเข้าช้อน ก็คงได้ผลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2536 SET ก็เคยอยู่ที่ระดับ 1,200 จุด
หรือก็คือ ตลาดหุ้นไทย แทบไม่ไปไหนมา 32 ปีแล้ว..
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นักลงทุนไทย เกิดสองจิตสองใจ หรือแบ่งเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่า ตลาดหุ้นไทย คงอยู่แค่นี้แหละ หรืออาจแพงไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับศักยภาพของประเทศในอนาคต
อีกฝ่ายมองว่า หุ้นไทยถูกมาก เมื่อเทียบกับ Valuation และมีโอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้น เพื่อสะท้อนความสมเหตุสมผลมากขึ้น
แต่ไม่ว่าจะมองแบบไหน ในโลกของการลงทุน ก็มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ
โดยท่าปกติที่นักลงทุนใช้คว้าโอกาสคือ การเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เช่น SET
การซื้อหุ้น เราจะได้ส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของในบริษัท มีสิทธิในกำไรของบริษัท และได้เสียงโหวตในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามสัดส่วนหุ้นที่ถือ
เหตุผลหลักในการซื้อหุ้นคือ นักลงทุนมองว่า ราคาหุ้นถูกกว่าที่ควรจะเป็น หรือเห็นศักยภาพของบริษัทนั้น ๆ ในอนาคต จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสนี้
จุดเด่นของหุ้นคือ การสร้างความมั่งคั่งระยะยาว
ถ้าเราเลือกหุ้นดี มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรง ถือไว้ระยะยาว เราจะได้รับผลตอบแทนจากทั้ง
1) ส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain)
2) เงินปันผล (Dividend)
ส่วนต่างราคา จะได้เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
ซึ่งหุ้นจะทำงานได้ดีในภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้น หรือบริษัทมีการเติบโตอย่างชัดเจน
แต่ด้วยสภาพแวดล้อม ถ้าตลาดไม่ไปไหน ก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะถูกกดดัน และเราจะไม่ได้กำไรเลย
หรือถ้าตลาดปรับตัวลง ก็จะขาดทุนทันที เป็นเรื่องเบสิกที่ใคร ๆ ก็รู้
แต่ถ้ามีคนมาบอกเราว่า เขาสามารถทำกำไรได้ในช่วงที่ผ่านมา แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงก็ตาม
หลายคนคงงง ๆ ว่าเขาทำได้อย่างไร
เขาน่าจะเป็นเซียนหุ้น ที่ใช้ความเชี่ยวชาญและทุ่มเทพยายามสูง เพื่อหาเพชรในตม
แต่จริง ๆ แล้ว โลกการลงทุนของเราก็ยังมีเครื่องมือการลงทุนอื่น ๆ อีก ที่จะมาช่วยเพิ่มพูนผลตอบแทนให้พอร์ตของเราได้
หนึ่งในนั้นเรียกว่า “สัญญา Futures” ที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทน ในช่วงตลาดขาลง หรือใช้เพิ่มกำไรตอนตลาดเป็นขาขึ้นได้
อย่างในประเทศไทย สัญญาดังกล่าวก็มีให้ซื้อขายกันในตลาด TFEX
TFEX คืออะไร ?
TFEX หรือ Thailand Futures Exchange เป็นตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้า ทั้งสัญญา Futures และ Options อย่างเป็นทางการของประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX จะมีมูลค่าอ้างอิงกับสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ดัชนี SET50, ทองคำ, น้ำมัน หรือสกุลเงิน
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX คือ นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ ทั้งในช่วงตลาด “ขาขึ้น” และ “ขาลง”
โดยการซื้อ (Long) Futures เมื่อคาดว่าตลาดจะขึ้น หรือขาย (Short) Futures เมื่อคาดว่าตลาดจะลง
รวมถึงวิธีการลงทุน ที่ใช้ระบบวางเงินหลักประกันเพียงบางส่วนแทนการซื้อสินค้าทั้งจำนวน (ใช้เงินน้อย ประมาณ 10-20% ของมูลค่าสัญญา)
ก็ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรตามทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิงได้อย่างคล่องตัว
โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งคือ SET50 Futures ซึ่งให้ผลตอบแทนตามการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 ที่คำนวณมาจากหุ้นขนาดใหญ่สุด 50 บริษัทที่มีสภาพคล่องสูงการซื้อขายสูงสุด
เป็นปกติสำหรับการลงทุนในหุ้น ที่อาจจะมีปีที่ดี และปีที่แย่
ในปีที่ดี เศรษฐกิจการค้าดี การซื้อหุ้น ซื้อกองทุน ซื้อดัชนี ก็มีโอกาสทำกำไรได้
แต่ถ้าเจอปีที่แย่ เศรษฐกิจไม่ดี มีปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ
หุ้นส่วนใหญ่มักลงพร้อม ๆ กัน บ้างทีลงยาวนานหลายเดือน บ้างทีลากยาวหลายปีกว่าจะฟื้น
จะเป็นอย่างไร หากเราสามารถประกันพอร์ตลงทุน หรือล็อกความเสี่ยงพอร์ตไม่ให้มูลค่าลดลง แต่ยังคงถือหุ้นและได้ปันผลเหมือนเดิม
หรือสามารถเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนได้มากขึ้น ในภาวะตลาดต่าง ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX ?
เพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น ลองมาดูตัวอย่างหรือแนวทางการประยุกต์ใช้ TFEX เพื่อตอบโจทย์การลงทุนแบบง่าย ๆ กัน
1) ใช้ TFEX เพื่อประกันความเสี่ยงให้พอร์ต (Hedging)
ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนหรือตลาดขาลง และพอร์ตหุ้นอาจขาดทุน นักลงทุนสามารถใช้ TFEX ช่วยบริหารพอร์ตหรือแก้เกมลงทุนได้ โดยเฉพาะนักลงทุนที่ถือหุ้นใหญ่ เน้นปันผล ซึ่งเมื่อหุ้นลงก็ไม่อยากขาย หรือนักลงทุนที่ถือยาวมากับหุ้นเติบโต
การใช้สัญญา Futures (Short Futures) จะช่วยประกันความเสี่ยงพอร์ต ทำให้มูลค่าพอร์ตรวมอาจลดลงไม่มาก แต่ยังคงถือหุ้นและได้ปันผลเหมือนเดิม
2) ใช้ TFEX เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างกำไร
สำหรับนักลงทุนที่ชอบเก็งกำไรในตลาดหุ้น หรือสายเทรดที่ใช้กราฟเทคนิคในการเทรดสินค้าต่าง ๆ อยู่แล้ว ถ้านำหลายเรื่องมาปรับใช้กับสินค้า TFEX เป็น ก็สามารถเพิ่มโอกาสทำกำไรได้ไม่แตกต่างกัน
หรือนักลงทุนที่เน้นเทรดสั้น ๆ ก็สามารถเข้ามาเทรดทำกำไรใน TFEX ได้ โดยเฉพาะช่วงตลาด “ขาลง” นักลงทุนสามารถทำกำไรด้วยการ Short ได้ ซึ่งนี่คือจุดแข็งของ Futures
3) ใช้ TFEX เพื่อช่วยกระจายการลงทุน
ช่วงที่ตลาดหุ้นนิ่ง ตลาด Sideway ไม่มีจังหวะซื้อขาย นักลงทุนบางส่วนอาจจะสนใจไปลงทุนในสินค้าอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น ทองคำ หรือค่าเงิน
หรือนักลงทุนในหุ้นที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังสินค้าอื่น ก็สามารถเลือกใช้สินค้าทองคำหรือค่าเงินได้ ซึ่งสินค้าดังกล่าวก็มีในตลาด TFEX ได้แก่ Gold Futures และ USD Futures
จะเห็นได้ว่า การลงทุนไม่ได้มีแค่การซื้อหุ้นแล้วถือยาว ๆ เท่านั้น
แต่นักลงทุนยังสามารถใช้สัญญา Futures ช่วยสร้างผลตอบแทนหรือประกันความเสี่ยงให้พอร์ตได้
ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด รวมถึงความรู้และการรับความเสี่ยง ของนักลงทุนแต่ละคน
สุดท้ายนี้ แม้ตลาดหุ้นไทย จะไม่ไปไหน ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนต้องหยุดอยู่กับที่
แต่นักลงทุนสามารถปรับกลยุทธ์ และใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เหมาะกับสถานการณ์
โดย TFEX เปรียบเสมือนอาวุธลับที่ช่วยให้นักลงทุนรอด ซึ่งเป็นได้ทั้ง “ดาบ” และ “โล่”
ดังนั้น เราควรเป็นนักลงทุนคุณภาพที่สามารถเข้าใจบริบทตลาดหุ้นไทย เลือกหุ้นเป็น จับจังหวะได้
เรียนรู้เครื่องมือ ที่สามารถใช้รับมือกับวิกฤติความผันผวน หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น แล้วเป้าหมายการลงทุนจะสามารถเป็นจริงและยั่งยืนได้..
สำหรับผู้สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและแนวทางการใช้ TFEX เพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://s.setth.org/hwh
#TFEX #ลงทุน #หุ้น #Futures
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นการให้ข้อมูลเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจลงทุน
Tag: TFEX

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon