กรณีศึกษา บุหรี่ไฟฟ้า IQOS

กรณีศึกษา บุหรี่ไฟฟ้า IQOS

13 มิ.ย. 2019
กรณีศึกษา บุหรี่ไฟฟ้า IQOS / โดย ลงทุนแมน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
มีอยู่เทรนด์หนึ่งที่ลงทุนแมนสังเกตเห็น
นั่นก็คือ เทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้า
กำลังเข้ามามีบทบาทในโลกของเรามากขึ้น
และหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยม
ก็คือ บุหรี่ไฟฟ้า IQOS
IQOS คืออะไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
หลายคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่อาจจะไม่ทราบว่า IQOS คืออะไร

IQOS คือบุหรี่ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่มีวางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2014
บุหรี่ไฟฟ้านี้ถูกคิดค้นและผลิตขึ้นโดย บริษัท Philip Morris International Inc.
ซึ่งบริษัทนี้ยังเป็นเจ้าของแบรนด์บุหรี่ชื่อดังอย่าง Marlboro, L&M และ Parliament
โดยหลักการการทำงานของ IQOS นั้น มาจากเทคโนโลยีที่เรียกว่า Tobacco Heating System หรือ Heat Not Burn
Cr. UK.IQOS
ซึ่งเทคโนโลยีนี้ ก็คือการให้ความร้อนกับตัวบุหรี่ด้วยแท่งความร้อน แทนการเผาไหม้แบบบุหรี่ทั่วๆไป
ถ้าเปรียบเทียบกับบุหรี่ทั่วไปมีอุณหภูมิขณะเผาไหม้สูงสุดถึง 900 องศาเซลเซียส แต่บุหรี่ไฟฟ้า IQOS ใช้อุณภูมิสูงสุด 350 องศาเซลเซียส
แล้วข้อดีของการเผาไหม้แบบใหม่นี้ คืออะไร?
โดยปกติการเผาไหม้ที่ 900 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดควันบุหรี่ ซึ่งเจ้าควันตัวนี้จะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายมากมาย
ในขณะที่ IQOS จะทำให้ตัวไส้บุหรี่ร้อนสูงสุดที่ 350 องศา ซึ่งมากพอที่จะได้รสชาติของบุหรี่โดยไม่ทำให้เกิดการเผาไหม้
จากรายงานของ Philip Morris ที่ยื่นต่อ Food and Drug Administration (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกา IQOS ยังสามารถลดสารเคมีที่ได้รับจากการสูบบุหรี่ ถึง 90% เช่น พวก คาร์บอนมอนอกไซด์
โดยที่ผู้สูบยังคงได้รับรสชาติ และความรู้สึกเดิมจากนิโคตินอยู่
ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงทำให้ IQOS เริ่มเป็นที่รู้จัก เเละได้รับความสนใจทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
เราลองมาดูรายได้ของ Philip Morris ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากัน..
Cr. Linkedin
ผลประกอบการทั้งหมดของบริษัท Philip Morris International Inc.
ปี 2016 รายได้ 836,374 ล้านบาท กำไร 218,363 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 901,034 ล้านบาท กำไร 189,152 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 928,521 ล้านบาท กำไร 247,951 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ของบุหรี่ไฟฟ้าในแต่ละปี เป็นดังนี้
ปี 2016 รายได้ 22,974 ล้านบาท คิดเป็น 2.7% ของรายได้รวม
ปี 2017 รายได้ 114,086 ล้านบาท คิดเป็น 12.7% ของรายได้รวม
ปี 2018 รายได้ 128,378 ล้านบาท คิดเป็น 13.8% ของรายได้รวม
จะเห็นได้ว่าสัดส่วนรายได้จากสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้านั้นเพิ่มขึ้นในอัตราที่ก้าวกระโดด ซึ่ง IQOS เป็นสัดส่วนหลักในนี้
ที่น่าสนใจคือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากประเทศในแถบยุโรป และเอเชีย โดยในเอเชียหลักๆ คือประเทศญี่ปุ่น
สำหรับใน สหรัฐอเมริกา ตอนนี้เพิ่งได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ขายในประเทศได้เมื่อเดือน เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ IQOS สามารถเข้าถึงผู้สูบบุหรี่ในสหรัฐฯ อีกกว่า 40 ล้านคน
นอกจากนี้ หากรายงานเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงของ Philip Morris ผ่านการรับรองจาก FDA ก็อาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับ IQOS มากขึ้นอีก
แล้วราคาของ IQOS แพงแค่ไหน?
ถ้าดูราคาจัดจำหน่ายของ IQOS 1 ชุด ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,200 บาท
Cr. Dutchtobacconist
โดยแบ่งเป็น
ตัวเครื่องเริ่มต้นประมาณ 3,000 บาท
และตัวบุหรี่ประมาณ 1,200 บาทต่อ 1 คอต
ถ้าหากรวมค่าอุปกรณ์ทั้งหมดนั้น
ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าบุหรี่ทั่วไปถึง 3-4 เท่า
และนี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ IQOS ยังไม่สามารถเข้ามาเเทนที่บุหรี่ทั่วไปได้ 100%
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ผู้สูบบุหรี่หลายรายหันมาใช้ IQOS มากกว่า 7.3 ล้านคน
เเสดงให้เห็นถึงความสำเร็จเป็นอย่างมากของผลิตภัณฑ์นี้
และ Philip Morris ยังตั้งเป้าหมายไว้ว่า
ภายในปี 2025 ทางบริษัทจะเพิ่มปริมาณการขายสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นเป็น 250,000 ล้านหน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 41,000 ล้านหน่วย
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็น่าติดตามว่า
ในอนาคต ทิศทางของบุหรี่ทั่วไปจะเป็นอย่างไร
แล้วจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ เข้ามาเเทนที่อีกหรือไม่
เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมว่า IQOS เป็นเพียงเเค่ตัวช่วยหนึ่งในการลดสูบบุหรี่แบบธรรมดาเท่านั้น
ซึ่งวิธีการลดโทษจากการสูบบุหรี่ที่ดีที่สุด นั่นก็คือ การเลิกบุหรี่ นั่นเอง..
หมายเหตุ: ในประเทศไทย ปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้ารวมถึง IQOS นั้น ยังไม่สามารถซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมาย
----------------------
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ http://www.blockdit.com
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.