กรณีศึกษา ซานตาเฟ่ สเต๊ก

กรณีศึกษา ซานตาเฟ่ สเต๊ก

21 ธ.ค. 2017
กรณีศึกษา ซานตาเฟ่ สเต๊ก / โดย ลงทุนแมน
ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของร้านซานตาเฟ่ สเต๊ก อดีตเป็นพนักงานธนาคารเงินเดือนหลักพันบาท และผ่านวิกฤตในการทำธุรกิจมาหลายครั้ง
จนมาวันนี้คุณสุรชัย ชาญอนุเดช กลายมา CEO ของบริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด เจ้าของซานตาเฟ่ สเต๊ก ที่มีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท แล้วต้นกำเนิดของร้านสเต๊กแห่งนี้มีที่มาที่ไปยังไง วันนี้ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
ตอนที่คุณสุรชัย เรียนจบใหม่ๆ นั้น เขามาเป็นพนักงานธนาคารโดยมีเงินเดือนเพียงแค่ 3,600 บาท ทำให้ไม่ค่อยมีเงินเก็บ ทำอยู่สักพักจึงลาออกไปร่วมงานกับ S&P เพื่อหวังที่จะได้ความรู้ในการทำธุรกิจร้านอาหาร
แต่สิ่งที่เขาได้รับนั้น กลับเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทำอาหารโดยตรงเท่าไร เพราะเขาถูกมอบหมายให้ไปรับผิดชอบเรื่อง การออกแบบ การประสานงาน การหาทำเล การเซ็ตระบบของร้านค้า
แต่เรื่องพวกนี้กลับเป็นความรู้มหาศาลให้กับตัวเขาเอง..
เมื่อมองย้อนกลับไป เขาคิดว่า สิ่งเหล่านั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีแก่ตัวเขา เพราะเขาสามารถนำความรู้ตรงนั้น มาประยุกต์กับการทำอาหารซึ่งเขาสามารถเรียนรู้ได้จากแม่เขาที่เปิดร้านข้าวแกงมาก่อน
แล้วจุดเริ่มต้นของธุรกิจก็มาถึง เมื่อเขาได้ไปเปิดร้านอาหารตามสั่งชื่อ ร้าน “ครัวไท” โดยได้รับการชักชวนจากโรงพยาบาลพญาไท ให้ไปเปิดร้านในโรงพยาบาล โดยที่โรงพยาบาลจะลงทุนตกแต่งร้านให้ แต่เขาต้องลงทุนเรื่องอุปกรณ์ เครื่องมือในการทำอาหารเอง เป็นเงิน 30,000 บาท แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีอยู่เพียง 12,000 บาท จึงไปยืมแม่ยายในส่วนที่ขาด
ช่วงแรกร้านครัวไทประสบความสำเร็จมากขายไปได้ 2 อาทิตย์ก็คืนทุน จนทำให้สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว โดยในระหว่างนั้นเขาก็ขายร้านให้เพื่อน โดยถือหุ้นเพียงบางส่วน แต่เพื่อนทำไม่ไหว ต้องชวนเขากลับมาบริหารให้อีก
อย่างไรก็ตาม การขยายสาขาที่มากเกินไปจนเกิดปัญหาในเรื่องของ คน และการบริหารจัดการวัตถุดิบ ยังไม่รวมคู่แข่งที่เป็นร้านอาหารจำนวนมากที่เขาต้องเจอ ทำให้ธุรกิจของเขาเริ่มซบเซาจนเคยเป็นหนี้สินถึง 92 ล้านบาท สุดท้ายเขาต้องขายร้านครัวไทให้คนอื่น
เขาบอกเหตุผลของการตัดสินใจปิดร้านครัวไทลง ก็เพื่อ “ตัดแขนตัดขา รักษาชีวิต”
แต่ใครจะรู้ว่า การปิดตัวลงของร้านครัวไทกลับเป็นจุดเริ่มต้นของร้านซานตาเฟ่ สเต๊ก..
โดยช่วงนั้นเขาสังเกตว่า กระแสสเต๊กริมทางเริ่มจะมา เพียงแต่ร้านลักษณะนี้ยังไม่ค่อยมีในห้าง ทำให้เขาวางร้านสเต๊กของเขาเป็น Class B โดยอยู่ระหว่างสเต๊กโรงแรม และสเต๊กริมทาง
ชื่อซานตาเฟ่ สเต๊ก มาจากชื่อเมืองหลวงของนิวเม็กซิโก ซึ่งเป็นเมืองคาวบอย เป็นเมืองโคเนื้อ ชุมสายทางรถไฟ เราจึงเห็นสัญลักษณ์ของร้านที่เป็นรูปขบวนรถไฟนั่นเอง
โดยในปี 2546 ร้านซานตาเฟ่ สเต๊กเริ่มเปิดสาขาแรกที่แฟชั่นส์ไอส์แลนด์ ซึ่งประสบความสำเร็นจนเป็นที่มาของการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยภายในสิ้นปีนี้คุณสุรชัยคาดว่าจะมีร้านมากกว่า 100 แห่ง และเพิ่มเป็น 300 แห่งภายในปี 2570
และในปี 2561 ร้านซานตาเฟ่ สเต๊กวางแผนที่จะไปเปิดที่ต่างประเทศที่แรกคือ ประเทศเวียดนาม
หลายคนอาจไม่รู้ว่าซานตาเฟ่ สเต๊กนั้นไม่มีครัวกลาง ซึ่งต่างจากร้านอาหารขนาดใหญ่ เพราะผู้บริหารมองว่าระบบครัวกลางแม้จะเป็นระบบที่ดี แต่ก็มีต้นทุนที่สูงมาก ซึ่งการไม่ทุ่มทุนในบางเรื่องเพื่อนำเอาส่วนต่างนั้นไปพัฒนางานในด้านอื่นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
ด้วยเหตุนี้ ซานตาเฟ่ สเต๊กจึงหันมาใช้ระบบโลจิสติกส์ด้วยการให้ซัพพลายเออร์ของร้านส่งวัตถุดิบโดยตรง นอกจากนี้ ร้านยังมีระบบควบคุมการผลิตซอสสูตรลับ Rambo อย่างดี โดยให้ซัพพลายเออร์ 2 ราย ผลิตส่วนผสมของซอสที่ยังไม่สำเร็จรูป และทางร้านค่อยนำมาผสมปรุงรสชาติเบ็ดเสร็จภายในร้านอีกที
รายได้และกำไรของบริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด เจ้าของร้านอาหารซานตาเฟ่
ปี 2558 รายได้ 929 ล้านบาท กำไร 28 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 1,076 ล้านบาท กำไร 29 ล้านบาท
กรณีของคุณสุรชัยนั้นเป็นอีกตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า กว่าที่คนเราจะประสบความสำเร็จ อาจต้องเคยล้มเหลวมาก่อน เพียงแต่เราต้องรู้จักเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้น
โดยเขาเรียนรู้ความผิดพลาดจากการเปิดร้านครัวไท แล้วนำมาปรับปรุง พัฒนาร้านซานตาเฟ่ สเต๊ก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดียวกัน
ถ้าวันนั้นคุณสุรชัยถอดใจ ก็คงไม่มีซานตาเฟ่ในวันนี้
เช่นกัน
ถ้าวันนี้ เราถอดใจเรื่องอะไร ก็อาจจะไม่มีเราที่สำเร็จในอนาคต..
----------------------
<ad> เก็บความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนในอนาคต แต่ถ้าอยากเก็บของแล้วบ้านมีที่ไม่พอ i-Store Self Storage มีห้องขนาดตั้งแต่ 0.5 ตารางเมตรขึ้นไปให้เช่า ทีนี้เราจะเก็บ จักรยาน ถุงกอล์ฟ ของสะสม เอกสาร กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ รองเท้าที่ไม่ได้ใช้ ก็มาเช่าได้ เก็บได้ตั้งแต่ 1 สัปดาห์จนถึงเป็นปี ที่สำคัญปลอดภัย ประกันของหาย สะอาด และอยู่ใจกลาง สีลม และ สุขุมวิท สนใจติดต่อ 062-595-3393 หรือ www.i-store.co.th
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.