กรณีศึกษา Walmart ล้มเหลวเป็นโดมิโน ในธุรกิจบันเทิง

กรณีศึกษา Walmart ล้มเหลวเป็นโดมิโน ในธุรกิจบันเทิง

29 ส.ค. 2022
กรณีศึกษา Walmart ล้มเหลวเป็นโดมิโน ในธุรกิจบันเทิง /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวที่น่าสนใจในแวดวงธุรกิจต่างประเทศ
นั่นคือ Walmart บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ประกาศจับมือกับ Paramount ค่ายหนังชื่อดัง
ในการจะนำคอนเทนต์วิดีโอสตรีมมิง มาให้บริการแก่ลูกค้า Walmart+ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Walmart
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม Walmart ถึงเพิ่มบริการที่ดูไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับกิจการหลัก
ซึ่งความจริง บริษัทพยายามเข้าสู่ ธุรกิจบันเทิง มานานหลายปีแล้ว แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง
แล้วที่ผ่านมา Walmart ล้มเหลวอย่างไรบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
Walmart เป็นบริษัทห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีสาขาอยู่ประมาณ 10,500 แห่ง
ในแต่ละสัปดาห์ มีลูกค้าเดินทางมาซื้อสินค้าตามสาขาต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 230 ล้านคน
ส่งผลให้ Walmart กลายเป็นบริษัทที่มีรายได้สูงสุดในโลก ที่ประมาณ 20 ล้านล้านบาท
ซึ่งพอมีฐานผู้บริโภคจำนวนมากอยู่ในมือ ทำให้ Walmart เล็งเห็นโอกาสที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และสิ่งที่บริษัทสนใจเป็นพิเศษ ก็คือ ธุรกิจบันเทิง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003
เมื่อยอดขายสินค้า DVD ของ Walmart ได้เริ่มถูก Netflix ที่เปิดให้บริการเช่า DVD ผ่านทางเว็บไซต์ เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดไปบางส่วน
ทำให้ Walmart เริ่มทดลองเปิดให้บริการเช่า DVD ผ่านช่องทางออนไลน์ของตัวเองดูบ้าง
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปเพียง 2 ปี บริการเช่า DVD ของ Walmart กลับมีสมาชิกอยู่เพียง 2 แสนรายเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับ Netflix ที่มีสมาชิกอยู่ 3 ล้านราย
จึงทำให้ Walmart ตัดสินใจยกเลิกบริการนี้ไปในที่สุด
มาในปี 2007 เมื่อตลาด DVD เริ่มซบเซาลง ตามแนวโน้มการเติบโตของอินเทอร์เน็ต
ทำให้ Walmart หันมาร่วมมือกับค่ายหนัง เช่น Disney, Sony, Universal และ Warner Brothers นำภาพยนตร์กว่า 3,000 เรื่อง มาเปิดให้บริการดาวน์โหลด
แต่ว่า บริการในลักษณะนี้ มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งอยู่ก่อนแล้ว
นั่นคือ Apple ที่ให้บริการดาวน์โหลดเพลงและภาพยนตร์ ผ่าน iTunes
จึงทำให้ผลการดำเนินงานในธุรกิจนี้ของ Walmart ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
และก็ได้ปิดตัวลงไป หลังจากเปิดให้บริการได้ไม่ถึง 1 ปีเท่านั้น
จนมาถึงปี 2010 คราวนี้ Walmart ได้เข้าไปลงทุน ในแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงชื่อว่า Vudu ซึ่งครอบครองคอนเทนต์กว่า 20,000 เรื่อง
โดยมองว่าน่าจะตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่ติดตามความบันเทิงทางออนไลน์มากขึ้น
แต่ Vudu ก็ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสักเท่าไร
ในปี 2018 ทาง Walmart จึงได้มีการหารือร่วมกับค่ายหนังอย่าง MGM ในการลงทุนพัฒนาออริจินัลคอนเทนต์ เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับ Vudu
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับผู้นำตลาดวิดีโอสตรีมมิงอย่าง Netflix ในขณะนั้น ที่มีการทุ่มเงินสูงกว่า 4.3 แสนล้านบาท เพื่อผลิตออริจินัลคอนเทนต์ ราว 240 รายการ
ซึ่งทั้ง Walmart และ Vudu มองว่า คงไม่สามารถลงทุนมหาศาลขนาดนั้นได้
เป็นเหตุให้ Walmart ยอมขายหุ้นของ Vudu ทั้งหมด ในปี 2020
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า Walmart คงล้มเลิกความตั้งใจ ในการเข้าสู่ธุรกิจบันเทิงไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ ๆ
ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2020 เราคงเคยได้ยินข่าวใหญ่ เมื่ออดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ดอนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติให้บริษัทสัญชาติอเมริกัน ทั้ง Walmart และ Oracle เข้าถือหุ้นใน TikTok Global ร่วมกับทาง ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok สัญชาติจีน เพื่อบริหารแพลตฟอร์ม TikTok ในสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานชาวอเมริกัน
เนื่องจาก Walmart มองว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กำลังมาแรง และน่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ไปแข่งขันกับเจ้าตลาดอย่าง Amazon
โดยบริษัทเชื่อว่า การซื้อขายสินค้าออนไลน์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่เรียกว่า Social Commerce ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์ จะเข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก ต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
แต่ในเวลาต่อมา สหรัฐอเมริกาได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ มาเป็นประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งได้มีการทบทวนคำสั่งหลายอย่างของรัฐบาลชุดก่อน รวมไปถึงดีลที่จะให้ Walmart เข้าถือหุ้น TikTok Global ก็ถูกระงับการดำเนินการเอาไว้เช่นกัน
และล่าสุด ในเดือนสิงหาคม ปี 2022 Walmart ได้ร่วมมือกับ Paramount ในการจะนำเอาบริการวิดีโอสตรีมมิงอย่าง Paramount+ มาเสนอให้กับสมาชิกของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Walmart+ ได้โดยตรง แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
โดย Walmart+ เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประมาณ 32 ล้านบัญชี
ซึ่งทาง Walmart ได้พัฒนาขึ้น เพื่อปรับตัวสู่โลกออนไลน์ และแข่งขันกับทาง Amazon
ทั้งนี้ Walmart+ คิดค่าบริการราว 460 บาทต่อเดือน ซึ่งสมาชิกจะได้รับส่วนลดค่าส่งสินค้า โปรโมชันต่าง ๆ อีกมากมาย และก็จะรวมถึงบริการวิดีโอสตรีมมิงอย่าง Paramount+ ในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตาม บริการลักษณะนี้ไม่ได้แตกต่างไปจาก Amazon Prime ที่มีสมาชิกกว่า 200 ล้านบัญชี ซึ่งสามารถเข้าถึงบริการอีคอมเมิร์ซ และบริการอื่น ๆ ได้อีกมากมาย รวมถึงวิดีโอสตรีมมิงอย่าง Amazon Prime Video
ถึงแม้ Amazon Prime จะมีค่าบริการราว 530 บาทต่อเดือน แต่ก็มีบริการที่หลากหลายกว่า
และมีการทำตลาดมาอยู่ก่อนแล้ว
ประกอบกับในช่วงระยะหลัง อุตสาหกรรมวิดีโอสตรีมมิง มีการแข่งขันพัฒนาคอนเทนต์ เพื่อแย่งส่วนแบ่งในตลาดกันอย่างดุเดือด ทำให้แม้แต่ผู้นำตลาดอย่าง Netflix ยังมีจำนวนสมาชิกลดลง เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ด้วยเหตุนี้ ก็อาจทำให้บริการของ Walmart ต้องล้มเหลวอีกครั้งก็เป็นได้..
จากเรื่องราวนี้ จะเห็นได้ว่า การมีฐานลูกค้าในมือจำนวนมาก สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน
หากเราไม่มีสินค้าหรือบริการ ที่มีคุณภาพเหนือกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน หรือเดินเกมธุรกิจได้ช้ากว่าคู่แข่ง
ก็อาจทำให้การแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดจากผู้เล่นรายเดิม เป็นไปได้ยาก
อย่างกรณีของ Walmart ที่พยายามเข้าสู่ธุรกิจบันเทิงอยู่หลายครั้ง
แต่ดูเหมือนว่าบริการของ Walmart ไม่ได้มีความแตกต่าง และยังก้าวช้ากว่าผู้เล่นรายอื่น เช่น Netflix, Apple หรือ Amazon อยู่เสมอ
ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ความพยายามของ Walmart ในครั้งล่าสุดนี้ จะสำเร็จหรือไม่..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.fastcompany.com/90778748/a-look-back-at-walmarts-seemingly-doomed-20-year-quest-to-break-into-hollywood
-https://gizmodo.com/walmart-paramount-amazon-amazon-prime-1849416484
-https://www.fool.com/investing/2021/02/25/walmart-and-oracles-bid-to-acquire-tiktok-is-dead/
-https://www.statista.com/statistics/818929/number-of-weekly-customer-visits-to-walmart-stores-worldwide/
-https://companiesmarketcap.com/largest-companies-by-revenue/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.